#1 tech recruiter in thailand

4 คำแนะนำ ช่วยให้คุณเป็น Developer ที่เก่งขึ้นได้

มี Developer ส่วนหนึ่ง ที่มักใช้เวลาว่างในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองให้เก่งขึ้นอยู่ตลอดเวลา คุณคงรู้ใช่ไหมว่าพวกเขาต้องใช้เวลาเรียนรู้มากแค่ไหน? ขณะที่ Developer บางคนกลับหวังว่า การทำงานจะทำให้พวกเขาเป็น Developer ที่เก่งขึ้น แต่บางทีงานที่ทำอยู่ ก็ไม่สามารถทำให้คุณ “เก่ง” และพร้อมสำหรับโอกาสในการก้าวหน้าได้เสมอไป ดังนั้นเรามาดู 4 คำแนะนำ ช่วยให้คุณเป็น Developer ที่เก่งขึ้นได้ โดยคุณ Ben ซึ่งเป็น Software Developer กันดีกว่า

1. การทำงาน

สำหรับ Developers คุณต้องดูว่า ได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับอะไร เพราะบางครั้ง Project ที่ได้รับมอบหมายนั้น อาจเป็นประโยชน์ต่อบริษัท แต่ก็ไม่ได้เป็นผลดีต่อการพัฒนาทักษะต่าง ๆ หรือเพิ่มโอกาสในการก้าวหน้าในอาชีพของคุณเสมอไป

เมื่อตอนที่ คุณ Ben ยังเป็น Junior Developer เขาจดจ่อกับการพยายามทำงานให้เสร็จ และทำให้งานผ่านไปได้ด้วยดี เพราะการเป็น Junior Developer คือ การมีชีวิตอยู่กับความกลัว เพราะคุณเพิ่งได้ลองทำ Project ต่าง ๆ เป็นครั้งแรก

มันน่ากลัวมาก (ก็จริงอยู่) แต่ข้อดีคือ Project ต่าง ๆ ที่คุณได้ลงมือทำ สามารถช่วยทำให้คุณเป็น Developer ที่เก่งขึ้นได้ เมื่อคุณทำ Project ใหม่ ได้ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ คุณก็จะได้พัฒนาทักษะ ความรู้ และประสบการณ์ เพราะยิ่งคุณสะสมทักษะ ความรู้ และประสบการณ์มากขึ้นเท่าไร คุณก็จะเป็น Developer ที่เก่งมากขึ้นเท่านั้น

ตอนคุณ Ben ทำงานเป็น Java Developer เขาได้ทำงานกับ Frameworks ใหม่ (Struts, Spring ซึ่งนานมาแล้ว) เขาได้ทำ Project ที่กำลังสร้าง Java Code แต่มันก็คือสิ่งที่เขาเคยทำมาแล้วก่อนหน้านี้ เขาอยู่ใน Project เดิม อีกทั้ง Developer คนอื่น ๆ ที่ทำงานด้วยกัน แต่ละคนก็พยายามทำงานให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และพยายามเลิกงานเวลา 17.30 น. (จะออกจากออฟฟิศให้เร็วที่สุด อะไรประมาณนั้น)

คุณ Ben เลยคิดได้ว่า สิ่งนี้ไม่สามารถช่วยให้เขาได้พัฒนาตัวเอง เขาจึงใช้เวลาว่างอ่าน Blog เกี่ยวกับ Java Development, อ่านหนังสือ Effective Java โดย James Bloch และศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติม ทำให้เขาได้ Java Certification มาใส่ใน Resume เพิ่ม

คุณ Ben ยังกล่าวอีกว่า การทำงาน และ การทำ Project เดิม ๆ ให้บริษัทนั้น ไม่สามารถช่วยให้เขาพัฒนาตัวเองให้เป็น Developer ที่เก่งขึ้นได้ (หรืออาจเป็นเพราะทำงานในบริษัทขนาดเล็ก)

2. ลอง “หยุด” และ “คิด”

ต่อมาคุณ Ben ได้ทำงานกับบริษัทที่ใหญ่ขึ้น และได้ทำ Project ใหม่ ๆ กับ Developer คนใหม่ ๆ ทำให้เขาได้เรียนรู้สิ่งใหม่อีกครั้ง แต่ในที่สุดก็เกิดปัญหาเดิม ๆ (พอทำงานไปนาน ๆ ก็ใช้ทักษะเดิม ๆ) ซึ่งคุณจะรู้ตัวว่า คุณ ไม่ได้เรียนรู้เพิ่มเติม ไม่พัฒนาทักษะต่าง ๆ และไม่มองหาโอกาสก้าวหน้าในอาชีพการงาน เมื่อคุณได้ลอง “หยุด” เพื่อคิดทบทวน

“หยุด” “คิด” และ “ประเมิน” ความคืบหน้าของคุณ เพื่อดูว่าสิ่งใดทำแล้วได้ผล และ สิ่งใดทำแล้วไม่ได้ผล คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่า ตัวคุณเองไม่ได้พัฒนาอะไรเพิ่มขึ้นเลย ถ้าคุณไม่ “หยุดและคิด” เพราะคุณมั่วแต่ยุ่งอยู่กับงาน และ Project ต่าง ๆ และพอเวลาผ่านไปนานเข้า กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็อาจสายไป

จริง ๆ แล้ว คุณสามารถให้เวลาทั้งหมดกับงาน หรือ Project ที่ได้รับมอบหมายได้ แต่โอกาสก้าวหน้าในอาชีพการงานของคุณอาจจะหยุดชะงัก และไม่ได้ก้าวหน้าไปไหน ดังนั้น ไม่ใช่ทุกประสบการณ์ที่คุณได้ทำมา จะมีประโยชน์ต่อตัวคุณ แต่การได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ จะทำให้คุณเก่งขึ้น

“คุณจะไม่หยุด ในการทำสิ่งที่ผิดพลาด เว้นแต่คุณจะ “หยุดและยอมรับ” ว่าคุณทำบางอย่างผิดพลาดไป และหลีกเลี่ยงที่จะทำผิดซ้ำอีกในอนาคต”

“คุณจะไม่สามารถคว้าโอกาสก้าวหน้าในอาชีพ จากสิ่งที่มาฉุดรั้งคุณ จนกว่าคุณจะรู้ตัว เริ่มเปลี่ยนแปลง และทำในสิ่งที่แตกต่างออกไป”

ข้อดีของเทคโนโลยี ก็คือ พอมีเทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้น ทำให้ได้มีโอกาสในการเรียนรู้และก้าวหน้ามากขึ้น คุณ Ben เล่าว่า เขาได้เข้าร่วม Dynamics Project และต่อมาก็มีโอกาสได้เรียนรู้ Microsoft Dynamics 2011 (ซึ่งเป็นสิ่งใหม่สำหรับเขา) และในช่วงปี 2011 ก็ยังมีเพียงไม่กี่คน ที่เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งนี้ ในขณะที่คุณ Ben กำลังเรียนรู้เกี่ยวกับ Dynamics 2011 เขาก็ได้เขียน Blog นี้ขึ้นมา (Hosks Dynamic Blog)

คุณ Ben พยายามทำให้ตัวเองเป็น Developer ที่เก่งขึ้น โดย

  • ทำ Dynamics CRM 2011 ในที่ทำงาน
  • เรียนรู้เพิ่มเติม เพื่อให้ได้ Certifications
  • ทำงานใน Sector ใหม่ ๆ
  • เขียน Blog

คุณ Ben กล่าวว่า แม้ว่าเขาจะย้ายไปบริษัทที่ใหญ่ขึ้น และได้ทำ Project ใหญ่ ๆ มากมาย แต่สิ่งสำคัญ คือ ตัวคุณเอง เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้คุณเป็น Developer ที่เก่งขึ้น (ไม่ว่าคุณจะทำงานให้บริษัท หรืออื่น ๆ ก็ตาม)

3. จาก “ความสำเร็จ” สู่ “ความล้มเหลว”

คุณ Frank Bettger ผู้เขียนหนังสือ How I Raised Myself From Failure to Success in Selling ได้ถูกไล่ออกจากการเป็น Baseball Player และต่อมาเขาก็ต้องมาทำงานขายประกันแทน ซึ่งทำให้เขารู้สึกแย่มาก และคิดว่าจะเลิกทำ หลังจากผ่านไป 10 เดือน เขาได้หยุดคิดและนึกขึ้นได้ว่า “เขาประสบความสำเร็จในฐานะ Baseball Player ด้วยความกระตือรือร้นได้อย่างไร” ดังนั้น เขาจึงเริ่มบันทึกในสิ่งที่เขาเคยทำ

คุณ Frank เห็นว่า ตัวเขาเอง ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับสิ่งที่ไม่ได้ช่วยให้เขาขายประกันชีวิตได้ เขาจึงหยุดทำสิ่งเหล่านั้น และเริ่มไปพบปะลูกค้ามากขึ้น ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ยอดขายของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

คุณ Frank เริ่มจาก การวางแผนว่าจะทำอะไรบ้างใน 1 สัปดาห์ และจัดลำดับความสำคัญของงาน (ซึ่งทำให้เขาแน่ใจว่า จะไม่ถูกรบกวนด้วยงานที่มีลำดับความสำคัญน้อยกว่า) เขากล่าวว่า คุณต้องจริงจังกับเวลาและปฏิเสธงานที่คนอื่นควรทำ หรือสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อคุณ

วันหนึ่ง มีเด็กจบใหม่ที่กำลังไม่รู้ว่า จะขายประกันยังไง เข้ามาถามคุณ Frank ว่า

เด็กจบใหม่: คุณคิดว่า ผมจะถูกตัดออกจากการเป็นพนักงานขายแล้วหรือไม่?

Frank: ไม่หรอก Ed, ผมไม่คิดว่า คุณจะถูกตัดสิทธิ์จากการเป็นพนักงานขายหรอก

เด็กจบใหม่: ……………….. (สีหน้าเศร้า)

Frank: “ผมไม่คิดว่า จะมีใครถูกตัดออกจากการเป็นพนักงานขายหรือแม้แต่งานอื่น ๆ ผมคิดว่าเราต้องตัดตัวเองออกจากสิ่งเหล่านั้น เพื่อเป็นในสิ่งที่เราอยากเป็น”

แน่นอนว่า คำแนะนำสำหรับการขายของ Frank ก็สามารถนำมาใช้สำหรับ Development ได้เช่นกัน เพราะ “ไม่มีใครเกิดมาแล้วเป็น Developer ที่เก่ง แต่พวกเขาสร้างตัวเองให้เป็น Developer ที่เก่ง จากการกระทำ การเรียนรู้ และประสบการณ์ของพวกเขา” ดังนั้น Developer ที่บ่นเรื่องงานหรืออาชีพของตน ก็จะย่ำอยู่ที่เดิม แทนที่จะคิดแบบนั้น ให้ลองถามตัวคุณเองว่า คุณจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง

คุณกำลังมองหาโอกาสที่จะปรับปรุงอย่างไร?
คุณจะดึงตัวเองออกจากสิ่งที่กำลังถ่วงคุณได้อย่างไร?
คุณจะพัฒนาทักษะและความรู้ของคุณอย่างไร? (งาน หรือ Project ที่คุณได้รับผิดชอบให้ทำเพียงคนเดียวนั้น มันเพียงพอแล้วหรือยัง)

4. “ความหวัง” ไม่ใช่ “การวางแผน”

มี Developers จำนวนมาก ที่หวังว่า Manager, บริษัท และ Project ที่ได้รับมอบหมาย จะช่วยทำให้พวกเขาเป็นDeveloper ที่เก่งขึ้น “ความหวัง” ไม่ใช่ “การวางแผน” ซึ่งมันก็เหมือนกับ ตอนที่คุณซื้อหวยและมีความหวังว่าคุณจะถูกหวยนั้นแหละ

Developers ต่างก็หวังว่า Project ที่ Manager มอบหมายให้พวกเขา จะเป็นประโยชน์ต่อความก้าวหน้าในอาชีพการงานของพวกเขา ซึ่ง Priorities หลัก ๆ ของ Managers และบริษัท ก็คือ การรับคนเข้ามาทำงานใน Project ต่าง ๆ เพื่อให้ Software ที่ต้องการสร้างนั้น เสร็จและพร้อมใช้งานให้เร็วที่สุด

แต่ในแง่ Personal Development และความก้าวหน้าของ Developers นั้น มันกลับเปรียบเสมือนโบนัส ไม่ใช่เรื่องของ Priority แต่อย่างใด และไม่สิ่งจูงใจใด ๆ สำหรับ Managers ในการปรับเลื่อนตำแหน่งให้พนักงาน (แต่สำหรับ Personal Development นั้นเป็นสิ่งที่คุณต้องให้ความสำคัญ ก่อนจะสายไป)

บทสรุป

การเป็น Developers ที่เก่ง สามารถ “สร้างและพัฒนา” ขึ้นได้ ไม่ได้เป็นมาตั้งแต่เกิด ดังนั้น คุณจะเป็น Developer ที่เก่งขึ้นหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง และควรมี 3 สิ่งนี้เป็นพื้นฐานคือ “ความรู้ ทักษะ และประสบการณ์”

และทั้งหมดนี้คือบทความ 4 คำแนะนำ ช่วยให้คุณเป็น Developer ที่เก่งขึ้นได้ อ่านบทความเพิ่มเติม หากคุณอยากเป็น Developer ที่เก่งกว่าเดิม แนะนำให้ทำสิ่งนี้

หากคุณกำลังหางานในสายงานไอที สามารถสมัครงานผ่านเว็บไซต์ ISM Technology Recruitment หรือสามารถส่ง Resume ของคุณ มาที่ https://www.ismtech.net/submit-your-resume แล้วคุณจะพบว่าอนาคตและโอกาสก้าวหน้ากำลังรอคุณอยู่

ISM เชี่ยวชาญในธุรกิจ IT Recruitment & IT Outsourcing โดยเฉพาะ เปิดทำการมากว่า 30 ปี มีพนักงานทุกสายและทุกระดับทางด้าน IT ที่ได้ร่วมงานกับลูกค้าองค์กรใหญ่ที่มีชื่อเสียงและบริษัทข้ามชาติมากมาย

Source: https://blog.devgenius.io/

​​​​

th