#1 tech recruiter in thailand

5 สัญญาณเตือนว่า คุณ(อาจ)ไม่เป็นที่ต้องการของบริษัทแล้ว

ฟังชื่อบทความวันนี้แล้ว อาจทำให้คนไอทีหลายๆ คน สะดุ้ง แต่หลายคนก็อาจจะคิดว่า คงไม่ละมั้ง ไม่น่าจะเป็นเรา แต่บทความนี้ตั้งใจเขียนขึ้นมาเพื่อเตือนคนไอทีว่า ไม่ว่าคุณจะอยู่ตำแหน่งสูงแค่ไหน แต่ในโลกของธุรกิจแล้ว ไม่มีอะไรที่แน่นอน เรามาดูกันดีกว่าว่า สัญญาณเตือนเหล่านั้นมีอะไรบ้าง

1. งานของเราเริ่มถูกแบ่งไปให้คนอื่นทำหรือมีคนมาประกบในการทำงาน

หากคนไอทีท่านใดที่พักหลังๆ มานี้ หัวหน้าเริ่มแบ่งงานไปให้เพื่อนคนอื่นๆ ในทีมช่วยทำ หรือทำงานแบบมี Buddy จากปกติเคยได้ Coding เต็ม Module แต่ตอนนี้เริ่มให้แบ่งกันทำ เป็นต้น แบบนี้มันก็ชวนให้คิดได้ 2 กรณี คือ ไม่อยากให้งานชะงักหรือมีคนคนเดียวที่รู้ หากเราป่วยกะทันหันหรือลางานขึ้นมาอาจจะทำให้งานไม่เดิน กับอีกกรณีคือ หัวหน้าคุณกำลังเริ่มจะลดบทบาทของตัวคุณลง หรือกำลังเตือนคุณให้เอะใจ ว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ หากใครที่รู้ตัวควรรีบปรับปรุงตัว ก็ควรไปสอบถามหัวหน้าให้ชัดเจนว่าเพราะอะไร เพื่อเราจะได้มีโอกาสแก้ไขได้

2. หัวหน้าเริ่มเฉยเมย/ไม่แจกจ่ายงาน/ไม่ค่อยตามงาน

หากคนไอทีท่านใดที่ช่วงนี้ หัวหน้าเริ่มลดปริมาณงานลงจากเดิมเมื่อเทียบกับที่เคยแจกจ่ายมาให้ ในขณะที่คนอื่นยังทำเท่าเดิมหรือกลับมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ หากรุนแรงหน่อยก็ถึงขั้นหัวหน้าไม่สั่งงานใดๆ ลงมาเลย ใครที่กำลังเจอสถานการณ์แบบนี้ก็อย่าเพิ่งดีใจไป หากำลังคิดว่า เย่ๆๆๆ ดีจัง ว่างๆ จะได้ไม่ต้องยุ่งวุ่นวายอะไร (น่าจะมีคนคิดแบบนี้จริงๆนะ) คุณกำลังคิดผิดถนัด เพราะอันที่จริงแล้ว มันกำลังหมายถึง หัวหน้าของคุณอาจกำลังเริ่มไม่ให้ความสำคัญกับตัวคุณสักเท่าไหร่ ถึงมีงานที่ต้องส่ง แต่พอเราส่งช้า หัวหน้ากลับไม่ดุ ไม่ตำหนิ และไม่ตามงานใดๆ แบบนี้คุณเริ่มอยู่ในโซนอันตรายแล้ว

3. เริ่มไม่ค่อยได้ร่วมประชุม ออกความเห็น หรือ Brainstorm ทั้งที่งานนั้นก็เกี่ยวกับเราโดยตรง

เวลามีประชุมทีมหรือมีโปรเจคงานที่เกี่ยวข้อง โดยทั่วไปมักจะมีการเรียกประชุมหรือ Brainstorm กัน แต่เรากลับไม่อยู่ใน List รายชื่อผู้เข้าร่วมทั้งที่งานนั้นเกี่ยวข้องกับเราโดยตรงและเต็มๆ ด้วยซ้ำ ในขณะที่คนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เขาก็ได้เข้าร่วมปกติ แบบนี้ก็เริ่มชัดเจนยิ่งขึ้นว่า เอ๊ะ เกิดอะไรขึ้นกับเรา ทำไมเราเริ่มไม่มีส่วนร่วมกับทีม เริ่มไม่มีใครสนใจในความคิดหรืออยากให้เรามีส่วนร่วมกับงาน

4. เริ่มถูกกดดันด้วยวิธีการต่าง ๆ

หากคุณเริ่มรู้สึกว่า เจอเหตุการณ์ต่างๆ ที่มันบีบบังคับตัวคุณมากขึ้น เริ่มเจอสถานการณ์ เช่น หัวหน้าไม่พูดด้วย สั่งงานผ่านคนอื่นมาบอกเราแทนที่จะบอกด้วยตัวเอง ออกกฏเหล้กข้อบังคับกับเรามากมาย จับผิดเรามากผิดปกติ เริ่มมีใบเตือนร่อนมาหาเรา ประเมินผลงานเราต่ำมากๆ ไม่ได้โบนัสทั้งที่คนอื่นได้ตามปกติ เป็นต้น หากคุณเจอสถานการณ์แบบนี้ ก็พอจะเดาได้ว่า เรากำลังโดนบีบบังคับแล้ว หาทางคุยกับหัวหน้าโดยด่วนหรือรีบปรับปรุงพฤติกรรมของเราที่อาจทำผิดระเบียบหรือไม่เต็มที่กับงานโดยด่วน

5. เจอประกาศหาคนใหม่ ในตำแหน่งงานของเรา

เรื่องมันยิ่งชัดเจนมากขึ้น หากคุณเห็นบริษัทกำลังประกาศหาคนทำงาน ในตำแหน่งงานเดียวกับเรา หากคุณแน่ใจว่า ไม่ได้มีแผนการขยายทีมงานเพิ่มแต่อย่างใดแล้วละก็ นั่นหมายความว่า บริษัทอาจจะกำลังหาคนใหม่มาทำงานแทนในตำแหน่งของคุณ แต่ทางที่ดีคุณควรไปสอบถามหัวหน้าตรงๆ เลยจะดีกว่า ว่าเป็นไปตามที่เราสงสัยหรือไม่ หากคำตอบคือ “ใช่” ณ ตอนนี้อาจจะยากสักหน่อยในการที่จะแก้ไข แต่ทุกอย่างล้วนอยู่ที่การพูดคุยกันระหว่างคุณกับหัวหน้าของคุณว่าจะมีทางออกอย่างไร

สำหรับเรื่องการที่เราจะโดนบีบออกหรือไม่นั้น มันก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ในหลายๆ กรณี อาจไม่ใช่เพราะ เราไม่มีความสามารถหรือไร้ระเบียบวินัยในการทำงาน แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย และสถานการณ์ต่างๆ ที่ทีมงานนำเสนอนั้น ก็ไม่ได้หมายถึง จะต้องเป็นการบีบคนออกจากงานเสมอไป แต่ทางที่ดีที่สุดคือ คุณควรพูดคุยกับหัวหน้า และขณะเดียวกัน คุณต้องทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุด เพราะหากคุณทำหน้าที่เป็นอย่างดีและมีประโยชน์ต่อบริษัทแล้ว หัวหน้าและเพื่อนร่วมงานย่อมรู้ว่าคุณเป็นคนแบบไหน ซึ่งถือว่ามีโอกาสน้อยมากที่คุณจะโดนบีบให้ออกจากงาน

ISM Technology Recruitment Ltd. (#1 Tech Recruiter in Thailand) บริษัทเราเชี่ยวชาญในธุรกิจ IT Recruitment & IT Outsourcing โดยเฉพาะ เปิดทำการกว่า 25 ปี มีพนักงานทุกสายและทุกระดับทางด้าน IT ที่ได้ร่วมงานกับลูกค้าองค์กรใหญ่ที่มีชื่อเสียงและบริษัทข้ามชาติมากมาย หากคุณเป็นคน IT ที่อยากทำงานที่ท้าทายและร่วมงานกับองค์กรชั้นนำ ฝากประวัติการทำงาน (Resume) ของคุณไว้กับ ISM ได้ที่ https://www.ismtech.net/submit-your-resume แล้วคุณจะพบว่าอนาคตและโอกาสก้าวหน้ามากมายกำลังรอคุณอยู่

th