การจะเป็น Developer ที่ดีนั้นไม่ได้มีแค่ทักษะทางเทคนิคเท่านั้น แต่ยังต้องปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด, การจัดการ Workflow ของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งมั่นในการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง บทความนี้จะแนะนำ 5 แนวทาง เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน สำหรับ Developer มาดูกันเลย
1. การจัดการ Work-in-Progress (WIP)
หากไม่ได้กำหนดวิธีการทำงานแบบ Agile เพื่อกำหนดขีดจำกัด Work-in-Progress (งานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ) Developer ส่วนมากต้องเร่งรีบทำงานให้เสร็จ เพื่อรีบไปทำงานถัดไป ส่งผลให้มี Merge Request หลายรายการ และแต่ละ Request มี Comment จำนวนมากที่ต้องได้รับการแก้ไข
ก่อนที่จะสร้าง Merge Request โปรดตรวจสอบให้แน่ใจ
- เป็นไปตามข้อกำหนดหรือไม่
- มีการดำเนินการทดสอบที่เพียงพอ
- จัดการปัญหาความปลอดภัยต่าง ๆ (เช่น ไม่มีปัญหาใน SonarQube)
- Document ทุกอย่างอย่างละเอียด
- ปฏิบัติตามแนวทางการเขียน Code ที่เรียบง่าย อ่านได้ บำรุงรักษาได้
นอกจากนี้ ควรขอให้เพื่อนร่วมงานหรือ Developer ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของ Code ของคุณให้เร็วที่สุด
2. ความสามารถในการแก้ไขปัญหาและปล่อยวาง
การขอความช่วยเหลือถือเป็นเรื่องปกติและเป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหา อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือ คุณควรลงทุนเวลาในการค้นคว้าและพยายามแก้ไขปัญหาด้วยตนเองก่อนที่จะขอความช่วยเหลือ
บางครั้ง Developer มักจะยึดติดกับแนวทางแก้ปัญหาที่เสนอจนมองข้ามทางเลือกที่ง่ายกว่า หรือมองไม่เห็นว่าปัญหาอาจแตกต่างไปจากที่คาดไว้ ในกรณีเช่นนี้ การถอยกลับมาพิจารณาปัญหาใหม่อีกครั้งจากมุมมองใหม่ อาจจะช่วยให้พบวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายกว่าและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. การแก้ไข Bug และการ Deploy
ก่อนแก้ไข Bug ให้ทดสอบก่อน เพื่อยืนยันว่ามี Bug อยู่จริง เมื่อทำการทดสอบเพื่อระบุปัญหาได้แล้ว ให้แก้ไข Bug เพื่อให้ผ่านการทดสอบ วิธีนี้จะช่วยให้คุณแก้ไขที่สาเหตุของปัญหาได้ ไม่ใช่แค่การแก้ไขเพียงผิวเผิน ดังนั้น ควรทดสอบ Features และแก้ไข Bug บนเครื่องอื่น ๆ ด้วย เพราะเพียงการทดสอบบนเครื่องของคุณเองเท่านั้นไม่เพียงพอ เนื่องจากอาจไม่สะท้อนถึงเงื่อนไขจริงใน Production การทดสอบในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างด้วยจะช่วยตรวจจับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ ก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อระบบจริง
4. การจัดการปัญหา ในการดำเนินงาน
เมื่อต้องจัดการกับปัญหาด้านการปฏิบัติงาน ควรวิเคราะห์อย่างรอบคอบก่อนดำเนินการ ปัญหาดังกล่าวมักเกิดขึ้นในช่วงท้ายของวัน ดังนั้น หลีกเลี่ยงการรีบเร่งแก้ไขทันทีและนำไปใช้จริง การแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วอาจมีผลข้างเคียงที่ซ่อนอยู่ ซึ่งจะชัดเจนขึ้นก็ต่อเมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบมากขึ้นเท่านั้น
หากเป็นปัญหาที่ร้ายแรงและจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขทันที ให้ Document Log ที่สำคัญทั้งหมด เพื่อยืนยันปัญหาเสียก่อน วิธีนี้จะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ราบรื่นขึ้นในภายหลัง ให้ใช้ Version ที่เสถียร หรือหากเป็นไปได้ ให้ปิดใช้งาน Feature ที่มีปัญหาชั่วคราวโดยใช้การสลับ Feature เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการหยุดชะงักเพิ่มเติมขณะดำเนินการแก้ไขปัญหา
5. การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และปฏิบัติตามแนวทางการเขียน Code
เปิดรับการเรียนรู้หัวข้อใหม่ ๆ และขยายทักษะของคุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณเป็น Frontend Developer ลองสำรวจงานด้าน Backend หรือ DevOps, ทดลองใช้ Framework และวิธีการต่าง ๆ แทนที่จะใช้เครื่องมือเดียวกันในทุก Project วิธีนี้จะช่วยให้คุณเติบโตเป็น Developer ที่มีความสามารถรอบด้านมากขึ้น
กำหนดแนวทางการเขียน Code และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด และพยายามทำให้เป็นระบบอัตโนมัติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ภายใน CI/CD Pipeline ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Developer ทุกคนสามารถเข้าถึงแนวทางเหล่านี้ได้ และคำนึงว่าการตรวจสอบ Code เป็นขั้นตอนสำคัญ
สุดท้ายนี้ Developer ควรพยายามจัดการงานของตนอย่างมีประสิทธิภาพ แก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิผล และรู้จักว่าเมื่อใดควรขอความช่วยเหลือ ควรเน้นการทดสอบอย่างละเอียด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการ Deploy มีความเสถียร จัดการกับปัญหาด้านการทำงานอย่างรวดเร็ว และมุ่งมั่นในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการเขียน Code ยังถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ Development อย่างยั่งยืนในระยะยาว
และทั้งหมดนี้ก็คือ 5 แนวทาง เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน สำหรับ Developer
เมื่อ หางาน IT ให้ ISM Technology Recruitment เป็นอีกหนึ่งตัวช่วย เพื่อให้คุณได้ “ชีวิตการทำงานในแบบที่คุณต้องการ” เพียงส่ง Resume มาที่นี่
ISM เชี่ยวชาญในธุรกิจ IT Recruitment & IT Outsourcing โดยเฉพาะ ได้เปิดทำการมาแล้วกว่า 30 ปี มีพนักงานทุกสายและทุกระดับทางด้าน IT ที่ได้ร่วมงานกับลูกค้าองค์กรใหญ่ที่มีชื่อเสียงและบริษัทข้ามชาติมากมาย
Source: https://blog.stackademic.com/