#1 tech recruiter in thailand

6 เคล็ดลับ เพื่อจัดการความวิตกกังวลใน Programming

ความวิตกกังวลในที่ทำงานมักส่งผลกระทบต่อทุกคน แต่บางครั้ง Programmer ก็เหมือนจะรู้สึกวิตกกังวลกับงานของพวกเขาเป็นอย่างมาก ในช่วงไม่กี่ปีมานี้แวดวงไอทีเป็นกลุ่มที่เป็นที่ต้องการสูง เทคโนโลยีเปลี่ยนไว รวมทั้งด้วยลักษณะงานเฉพาะทางที่คนสายงานอื่นยากที่จะเข้าใจ ส่งผลให้เหล่า Programmer เกิดความเครียดและวิตกกังวล ดังนั้น เพื่อสุขภาพจิตที่ดียิ่งขึ้นมาดู 6 เคล็ดลับ เพื่อจัดการความวิตกกังวลใน Programming

1. ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น

บางครั้งก็มี Project เข้ามามากมาย จนทำให้สัปดาห์ที่มีความสุขของคุณกลายเป็นฝันร้ายได้ภายในไม่กี่นาที และเมื่อมี Request เข้ามาจำนวนมาก อาจทำให้คุณรู้สึกว่า คุณไม่สามารถทำงานเหล่านั้นเสร็จได้ทันตามกำหนด

ณ จุดนี้ คุณอาจจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานที่ทำงานใน Project, อาจเป็นเพื่อนคนอื่น หรือแม้แต่คนในครอบครัวที่พอจะช่วยคุณได้ การที่คุณมีการสนับสนุนที่ดีถือเป็นสิ่งสำคัญในการเอาชนะความวิตกกังวลได้

Programmer มีแนวโน้มที่จะไม่ค่อยสนใจในเรื่องนี้ เนื่องจากพวกเขามักภาคภูมิใจในการแก้ปัญหาและสามารถจัดการกับงานที่ยาก ๆ ได้ การขอความช่วยเหลือคนอื่น อาจทำให้พวกเขารู้สึกเป็นคนที่ไม่มีความสามารถ

คุณควรจดจำได้ว่า การมีเพื่อนร่วมงานเป็น Resource จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จมากขึ้น รวมถึงปรับปรุงคุณภาพโดยรวมของ Project ได้

2. ตั้ง Deadline ที่เป็นไปได้

อีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้คุณสามารถจัดการกับงานที่กองอยู่เป็นภูเขาได้ ก็คือ การกำหนด Deadline ที่ตรงไปตรงมาและสามารถทำได้จริง แม้จริงนี้จะเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน แต่คนส่วนใหญ่ก็มักไม่ปฏิบัติตามวิธีนี้

ตัวอย่างเช่น หากคุณมีงานล้นมือแล้ว และนายจ้างของคุณก็ขอให้คุณทำงานอื่นอีก คุณควรกำหนดตารางเวลางานที่ถูกต้องและเหมาะสม อย่าบอกตารางเวลางานเพื่อแค่ให้พวกเขารู้สึกพึงพอใจ

ด้วยการทำเช่นนี้ จะสามารถทำให้ตัวคุณเองลดความเครียดลง เนื่องจากไม่ต้องรู้สึกบีบคั้นจากงานที่เร่งด่วนมากจนเกินไป จนทำให้งานเกิดความผิดพลาด

นอกจากนี้ยังช่วยทำให้คุณเป็นคนที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น เพราะในขณะที่คนอื่นมีการประมาณการเวลาที่ไม่เหมาะสมจนทำให้ไม่สามารถทำงานเสร็จตามเวลา แต่ในขณะที่คุณสามารถส่ง Code ที่มีคุณภาพตรงตามเวลาอยู่เสมอ

3. อย่าเก็บความรู้สึกมากจนเกินไป

การระงับหรือเก็บความรู้สึกวิตกกังวลของคุณไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย และการแสดงความรู้สึกวิตกกังวลของคุณในบางสถานการณ์ อาจสามารถช่วยให้ Process ทั้งหมด ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

แทนที่จะ “ต่อสู้” กับความวิตกกังวลและพยายามเก็บซ่อนมันไว้ ทางที่ดีคือการ “ยอมรับ” และพูดถึงมันเพื่อจัดการกับปัญหาที่อาจทำให้คุณรู้สึกท้อแท้ อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องจมอยู่กับความเครียด

เมื่อคุณเริ่มรู้สึกเครียด คุณไม่ควรผลักไสและทำเหมือนว่าคุณไม่ได้อยู่ในจุดนั้น แต่คุณควรหาที่มาของความเครียดนั้น และหาทางแก้ไขปัญหานั้นซะ

ในหลายครั้ง ความเครียดที่เรากำลังรู้สึก อาจไม่ได้เกิดจากเพียงเรื่องเดียว แต่มันคือผลพวงจากความเครียดทั้งหมดที่เราทำเป็นไม่ใส่ใจมัน

นี่คือเหตุผลว่า ทำไมการต้องเผชิญความวิตกกังวลและจัดการกับมัน ถึงได้เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง

ตัวอย่างเช่น หากคุณรู้ว่ามีปัญหาใน Code ของคุณตั้งแต่แรก คุณไม่ควรรอให้ตัวเองทำผิดพลาดต่อไปอีกเรื่อย ๆ ก่อนที่จะพยายามแก้ไขมันในภายหลัง ในทางกลับกัน คุณควรรีบแก้ไขให้ถูกต้องทันที เพราะสุดท้ายคุณก็ต้องกลับมาแก้ไขมันอยู่ดี ซึ่งเช่นเดียวกันกับความรู้สึกที่คุณปิดกั้นมันไว้

4. ออกกำลังกายอยู่เสมอ

หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับปัญหาความวิตกกังวล ก็คือ การออกกำลังกายอยู่เสมอ เพราะนอกจากมันจะมีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายของคุณแล้ว มันยังช่วยรักษาสุขภาพจิตของคุณอีกด้วย

เนื่องจากการออกกำลังกาย ร่างกายจะปล่อยสาร Endorphins ซึ่งทำให้เกิดสิ่งที่คนเรียกว่า “Runner’s high” (ซึ่งเป็นความรู้สึกอารมณ์ดี/มีความสุข ของนักวิ่งที่วิ่งต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ)

คำว่า “high” ในที่นี้จะสร้าง Effect ที่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและลดความวิตกกังวล โดยทั้งร่างกายของคุณจะหลั่งสาร Endorphins และใช้ Endocannabinoid System (ECS) เพื่อควบคุมอารมณ์และลดความวิตกกังวลในระหว่างและหลังการออกกำลังกาย

ดังนั้น การเพิ่มการออกกำลังกายลงในกิจวัตรในตอนเช้าของคุณ จึงเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการทำให้คุณรู้สึกจดจ่อ (Focus) และปลดปล่อยความเครียด

อย่างไรก็ตาม การออกไปข้างนอกและเพลิดเพลินกับธรรมชาติ ก็เพียงพอที่จะช่วยยกระดับอารมณ์ของคุณได้ตามบทความสุขภาพของ Harvard การเคลื่อนไหวร่างกายบ้างเล็กน้อยและแสงแดด สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก

5. หยุดพักผ่อนเสียบ้าง

เคล็ดลับเหล่านี้ ส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้ในขณะที่ทำงานอย่างหนัก นั่นเป็นเหตุผลที่เราเก็บบทเรียนที่สำคัญที่สุดไว้เป็นบทสุดท้าย นั่นคือ การหยุดพักสักครู่

หากคุณไม่ได้เขียน Code ให้กับเหล่า The Avengers งานของคุณก็น่าจะไม่ใช่สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความเป็น-ความตาย นั่นหมายความว่า ไม่ว่า Deadline เหล่านั้นจะสำคัญมากเพียงใด หรือเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงจริยธรรมในการทำงาน คุณก็ไม่สามารถส่งผลดีกับใคร ถ้าคุณเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและความเหนื่อยล้า

ทุกครั้งที่คุณเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า ให้ละจากงานของคุณสักพัก แล้วลุกออกจากโต๊ะทำงาน แล้วคิดถึงเรื่องอื่น ๆ สัก 5 นาที เมื่อคุณรู้สึกว่า หัวของคุณโล่งขึ้น ก็ให้กลับเข้ามาและจัดการงานของคุณต่อ ด้วยพลังงานที่ได้จากการหยุดพักไปก่อนหน้านี้

6. สร้างมุมมองในเชิงบวกเข้าไว้

แม้ว่าเคล็ดลับเหล่านี้อาจจะไม่ได้ลด Workload ทั้งหมดของคุณ แต่ก็หวังว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คุณควบคุมสภาวะจิตใจของคุณให้ดีขึ้นและไม่ต้องแบกรับความเครียดเป็นเวลานาน

คุณมี Power ที่จะกำหนด “โลกของคุณ” ผ่านวิธีการตอบสนองต่อความยากลำบากที่คุณได้เจอ และโดยการฝึกเคล็ดลับเหล่านี้ คุณจะสามารถสร้างมุมมองในเชิงบวกได้มากขึ้น

การนำคำแนะนำเหล่านี้ มาร่วมใช้กับวิธีการของคุณเองเพื่อการฝึกสติและการทำให้เป็นจริงด้วยตนเอง จะสามารถช่วยให้คุณคลายความวิตกกังวลและความเครียดได้มากขึ้น

ISM Technology Recruitment Ltd. (#1 Tech Recruiter in Thailand) เราเชี่ยวชาญในธุรกิจ IT Recruitment & IT Outsourcing โดยเฉพาะ เปิดทำการกว่า 28 ปี มีพนักงานทุกสายและทุกระดับทางด้าน IT ที่ได้ร่วมงานกับลูกค้าองค์กรใหญ่ที่มีชื่อเสียงและบริษัทข้ามชาติมากมาย หากคุณเป็นคน IT ที่อยากทำงานท้าทายและร่วมงานกับองค์กรชั้นนำ สามารถฝากประวัติการทำงาน (Resume) ของคุณไว้กับ ISM ได้ที่ https://www.ismtech.net/submit-your-resume แล้วคุณจะพบว่าอนาคตและโอกาสก้าวหน้ากำลังรอคุณอยู่

Source:  https://simpleprogrammer.com/

th