การสมัครงานในแต่ละครั้ง Resume ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่จะเป็นตัวเบิกทางให้คุณเข้าสู่รอบสัมภาษณ์ แต่ยังมีข้อผิดพลาดหลายจุดที่เราอาจยังไม่รู้ ในบทความนี้ได้รวบรวม 17 ข้อผิดพลาด ที่อาจทำให้คุณ “ไม่ได้งาน” กับหัวข้อ วิธีเขียน Resume สำหรับ Software Engineering รวมถึงตำแหน่งงานไอทีอื่น ๆ มาดูกันว่ามี Tips อะไรบ้าง
หมายเหตุ: นี่เป็นคำแนะนำโดยทั่วไป อาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ภูมิภาค หรือแต่ละองค์กร
หากคุณคิดว่า คุณมี Resume ที่ดีพอที่จะผ่านเข้ารอบสัมภาษณ์? อาจต้องลองพิจารณาอีกครั้ง
จากการศึกษาล่าสุดของ CareerBuilder พบว่า ข้อผิดพลาด ใน Resume ของคุณ ดังต่อไปนี้ (มักจะทำให้คุณถูกตัดสิทธิ์ทันที)
- ไวยากรณ์ไม่ถูกต้อง สะกดคำผิด หรือพิมพ์ผิด (77%)
- Email Address ที่ไม่เป็นมืออาชีพ (35%)
- ไม่ได้ใส่ งาน หรือ Project ที่ทำสำเร็จ แบบวัดผลได้ ใน Resume (34%)
- แต่ละย่อหน้ายาวเกินไป แทนที่จะทำเป็น Bullet Points (25%)
- เป็น Resume ทั่ว ๆ ไป ที่ไม่ได้ปรับให้เหมาะสมกับตำแหน่งงานที่จะสมัคร (18%)
- Resume มีความยาวเกิน 2 หน้ากระดาษ (17%)
- ไม่มี Cover Letter แนบ (10%) (Optional)
“มันคือ Resume ของคุณ, ไม่ใช่ Resume ของทีม, ไม่ใช่ Resume ของคนที่คอยให้คำปรึกษาคุณ, ไม่ใช่ Resume ของหัวหน้าคุณ ดังนั้น ให้พูดถึงตัวเอง”
Resume ที่ดี คือ:
- สามารถเอาชนะอีก นับร้อย Resumes ใน Recruitment Process ได้
- สามารถผ่านการสแกนจาก ATS (Applicant Tracking System)
- ดึงความสนใจจาก Recruiter ได้ในช่วง 7 วินาที แรก
แต่! เข้าใจแหละว่า Resumes มันอาจดูน่าเบื่อซะเหลือเกิน แต่มันทำให้คุณได้งานนะ 555+
ข้อผิดพลาด 1: GRAPHICS
ซ้ายหรือขวา? คุณจะเลือกอันไหน?
(ถ้าดูจากภาพด้านซ้าย) คุณได้ 3 ดาว สำหรับ Javascript Skill? แล้วมันสามารถบอกอะไร? – มันไม่สามารถบอกอะไรเลย
Tips: ถ้าทำแบบตัวอย่างฝั่งขวา จะดูดีกว่า (ถึงจำนวนบรรทัดของ Code อาจวัดความเก่งไม่ได้ แต่ก็ดูเข้าใจกว่าแบบด้านซ้าย)
_________________________________________________________________________
ข้อผิดพลาด 2: ความคิดสร้างสรรค์
อย่าใส่ความคิดสร้างสรรค์มากเกินไปใน Resume ของคุณ
Resume ไม่ใช่ที่สำหรับโชว์ความคิดสร้างสรรค์(ที่มากเกินไป)ของคุณ เพราะ Recruiter เห็น Resume วันละเป็น 100 ใบ แล้วถ้าทุกคนมีรูปแบบ Resume ต่างกันล่ะ?
เป็นเรื่องยากมาก สำหรับ Recruiter ที่จะเข้าใจ Resume แต่ละรูปแบบ และมองหาหัวข้อที่ต้องการ เพื่อดูรายละเอียดเกี่ยวกับตัวคุณ
หลังจากที่ Resume ของคุณผ่านรอบ Screening เบื้องต้นแล้ว ก็จะได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ดังนั้น ให้สร้างความประทับใจ หรือ Personal Touch ประมาณ 1 บรรทัด (Optional)
ยกตัวอย่างเช่น
- I have traveled to 5 countries in the past 2 months,
- Dinner with Elon Musk,
- Danced with Hillary Clinton, หรืออะไรประมาณนั้น (สามารถเพิ่มประโยค Personal Touch ในตอนท้ายของ Resume ของคุณได้)
อย่าใช้ Font ที่มีลูกเล่นมากเกินไป หรือ Fancy Font
ให้ใช้ Fonts ที่ดี ดังต่อไปนี้
- Times New Roman, Georgia, Helvetica, Arial Narrow, Calibri และ Cambria
- ใช้ Font ขนาด 12-point
Summary: โปรดอย่าเพิ่มงานให้กับ Recruiters (ขอให้อ่านง่าย ๆ)
_________________________________________________________________________
ข้อผิดพลาด 3: วัตถุประสงค์ (Objective)
คุณเสีย 2 บรรทัด เพื่อเขียนบอกว่า คุณหางานตำแหน่งงาน Software Engineering (แน่นอนว่า พวกเขารู้อยู่แล้ว) นั่นคือประเด็นที่มีคนกำลังดู Resume ของคุณ
จะมีใครตะโกนสุดเสียงว่า “เฮ้ ดูสิ ฉันเป็นคนไม่ขยัน” ไม่มีหรอก จริงไหม!
เขียนอะไร ประมาณแบบนี้จะดีกว่า
Summary: เขียนให้ตรงประเด็น
_________________________________________________________________________
ข้อผิดพลาด 4: Formatting และ Color
คุณต้องเว้นให้มีช่องว่าง เพื่อให้คนอ่านพักสายตา แก้ไขโดยการปรับตำแหน่งให้เหมาะสม
จัดลำดับความสำคัญในส่วนที่เป็นหัวข้อสำคัญ และให้เนื้อหาเป็นรูปแบบเดียวกันทั้งหมด หมายความว่า ถ้าคุณสมัครตำแหน่ง Frontend คุณก็ไม่จำเป็นต้องบอกว่า คุณเก่ง Machine Learning มากแค่ไหน
หาก Resume ของคุณมีสีสัน เหมือนสีรุ้ง ล่ะก็ (อย่าทำเลย)
อย่า ใช้ให้มากกว่า 2 สี
- อย่าทำให้ซับซ้อน เข้าใจยาก ทำให้อ่านง่ายที่สุด อย่าทำให้มันเป็น Resume ของนักออกแบบ
- อย่าใส่รูปถ่าย เว้นแต่ว่าเขาจะขอ การใส่รูปถ่ายไม่ค่อยจะเป็นความคิดที่ดี (กรณีนี้แล้วแต่องค์กรหรือความนิยมของแต่ละประเทศ)
- ลองใช้เฉดสีดำที่แตกกัน ดังรูปด้านล่าง
Summary: เว้นให้มีช่องว่าง ราวกับว่า ชีวิตของคุณขึ้นอยู่กับมัน
_________________________________________________________________________
ข้อผิดพลาด 5: ไม่ใช้ Template
คุณรู้ไหมว่ามันยากแค่ไหนถ้า Resume ที่คุณ ‘ออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์’ แต่ทำให้ Recruiters ต้องมองหาแล้วหาอีก และพูดขึ้นว่า
— ‘การศึกษาและทักษะของเขา เขียนไว้ตรงไหน? บนสุด? ไม่ ส่วนล่าง? ไม่ ๆ หรืออยู่ตรงกลาง โอยย หาไม่เจอ’ (ไม่เข้าท่าแน่ ถ้าเป็นแบบนี้)
ตัวอย่าง Resume ที่ดี สามารถดาวน์โหลดได้ใน Google Drive และ ดูใน เว็บไซต์ นี้
ชอบ Template นี้ คลิกเพื่อดาวน์โหลด
Summary: บางครั้งคุณก็ไม่จำเป็นต้องคิดค้น Template ใหม่ขึ้นเอง
_________________________________________________________________________
ข้อผิดพลาด 6: Email ของคุณ
Quick Tips:
- พยายามอย่าใช้ ( _ ) underscores
- หลีกเลี่ยงตัวอักษร ‘O’, ‘i’, ‘o’, ‘L’ และตัวเลข ‘1’ และ ‘0’ เนื่องจาก ‘O0o’ แยกความแตกต่างออกจากกันได้ยาก
ตัวอย่างที่ “ไม่ดี”:
its_me_rahul@gmail.com
cat_lover43@yahoo.com
10403rahul@gmail.com
ตัวอย่างที่ “ดี”:
FirstNameLastName@<provider>.com
LastNameFirstName@<provider>.com
elizabeth.smith@email.com or esmith@email.com
Summary: ถ้า Email ของคุณยังดูไม่เป็น Professional ก็ขอแนะนำว่า ให้ใช้ Email อื่นแทน
_________________________________________________________________________
ข้อผิดพลาด 7: Skills
“อย่าเพิ่ม Skills ที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือ Skills พื้นฐาน ที่ทุกคนคาดหวังว่าคุณควรมี”
ตัวอย่าง Soft Skills:
Communication, Teamwork, Time Management,
Leadership, Detail Oriented, Problem Solving, Critical Thinking,
Decision Making, Customer Service, Self Motivation.
ตัวอย่าง Hard Skills:
Big Data Analysis, Social Media Experience, Project Management,
Skills, Programming, Technical Writing,
Computer Skills, Debugging, Troubleshooting, Network Security.
พูดถึงเฉพาะ Tech Skills ที่เกี่ยวข้องตาม Job Profile ไม่ใช่ Technical Skill ทุกอันที่คุณมี
ตัวอย่าง สำหรับ Software Engineer:
- ไม่สำคัญ — HTML, MS-Word, MS-Excel, Powerpoint — ดูจะไม่จำเป็น ใน Resume ของคุณ
- นอกจากนี้ ไม่จำเป็น ระบุว่าคุณพูดได้ 5 ภาษา และความสามารถของคุณในแต่ละภาษา ไม่เกี่ยวข้องเลย (นอกจากตำแหน่งงานจะระบุว่า อยากได้คนไอทีที่มีทักษะในภาษาเหล่านั้นได้)
Machine Learning Engineer
ตัวอย่าง สำหรับ Cloud Engineers:
Tech: AWS API/GCP/Azure CLI, Kubernetes, Go.
DB: Hadoop/Spark/Flink/Kafka/Redis/Cassandra
Infra: OpenStack, Docker, Cloud Foundry, AWS ELB
ตัวอย่าง สำหรับ Backend Engineers: Sample
Tech: ASP.NET Core, Spring-Boot Framework, Java, C#, Git, NodeJs, Laravel, Ruby on Rails.
DB: RDBMS or NoSQL
Infra: Salesforce & Adobe AEM/CQ (CMS and CRM)
ตัวอย่าง สำหรับ Frontend Engineers:
Tech: React, Angular, Vue, Javascript, Flask, Django, jQuery, Bootstrap.
Material-UI, antd.
Adobe Creative Suite — Photoshop, Illustrator, In Design, Fireworks.
ตัวอย่าง สำหรับ DevOps Engineer:
Tools: Puppet, Ansible, Chef, JIRA, saltstack, Opsworks, Cloud Formation, Jenkins, Maven, Gradle
System Engineer Tech Stack.
Summary: พูดถึงสิ่งที่คุณเคยใช้งาน และอธิบายว่าทำไมคุณถึงเลือกใช้
_________________________________________________________________________
ข้อผิดพลาด 8: รายละเอียดเพิ่มเติมและไม่จำเป็น
- ลายเซ็นและรูปถ่าย (เว้นแต่จะเกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานหรือทางบริษัทต้องการ)
- Social Media Accounts เช่น Facebook และ Instagram (เว้นแต่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานหรือทางบริษัทต้องการ)
- ประวัติการศึกษาแบบจัดเต็ม ตั้งแต่เตรียมอนุบาล – ประถมศึกษา จนถึงสำเร็จการศึกษา ให้กล่าวถึงการศึกษาล่าสุดก็น่าจะเพียงพอ
- รายละเอียดส่วนบุคคล เช่น วันเกิด อายุ เพศ สถานภาพการสมรส ศาสนา หรือสัญชาติ (เลือกตามที่เหมาะสมเนื่องจากบางประเทศอาจมองว่าเป็นการแบ่งแยก หรือ Discrimination เกินไป)
- ที่อยู่แบบเต็ม (ถ้าที่อยู่ของคุณยาว ก็ย่อให้สั้น ๆ)
- List รายละเอียด Roles และ Responsibilities ที่คุณเคยทำมาก่อนหน้านี้ “ทั้งหมด”
- เงินเดือนที่คาดหวัง (ในบางบริษัทก็ต้องการให้ระบุมาเลย แต่โดยทั่วไปมักจะไม่ใส่กัน)
คุณเคยเห็นคนอายุ 20 ปี แต่ใส่ชื่อตำแหน่ง CEO, CFO, CMO หรือตำแหน่งงานระดับผู้บริหารใน Resume ไหม แม้จะเป็นเรื่องปกติในปัจจุบันกับการเติบโตของธุรกิจ Startups แต่แค่ตำแหน่งที่กล่าวมาก็ไม่ได้ทำให้ Recruiters ประทับใจเสมอไป
Summary: ไม่ต้องเติมแต่งให้มากเกินความจำเป็น
_________________________________________________________________________
ข้อผิดพลาด 9: ขาดรายละเอียดสำคัญ
[รวมถึงสิ่งเหล่านี้ หากคุณกำลังสมัครตำแหน่งเกี่ยวกับ Software]
- โปรไฟล์ LinkedIn และบัญชี Github และ Repository Links สำหรับ Projects ของคุณ
- เกรดเฉลี่ยโดยรวมของปริญญา (เว้นแต่เกรดเฉลี่ยของคุณอยู่ในเกณฑ์ดี ก็โชว์ได้เลย)
- ตำแหน่งและอันดับของคุณ ในการแข่งขันที่เกี่ยวข้อง (การแข่งขันเขียน Code เช่น ACM ICPC, Hackathons)
_________________________________________________________________________
ข้อผิดพลาด 10: ภาษาในการเขียน Resume
ให้ใช้ Active ไม่ใช่ Passive Voice
- ใช้ “I did” ดีกว่า “Was part of”.
- ใช้ “Managed” ดีกว่า “was asked/recruited to manage”.
- ใช้ “Was promoted to team leader after only six months.” ดีกว่า “A promotion to team leader was awarded to me after only six months of service,”
- “Increased sales” หรือ “Overhauled the department”.
หลีกเลี่ยงการใช้ I/Me/He/She ควรพูดถึงบุคคลที่หนึ่ง หรือบุคคลที่สามเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น: “Managed a team of 20.” “Responsible for setting sales targets and establishing individual key performance indicators (KPIs).”
_________________________________________________________________________
ข้อผิดพลาด 11: คติประจำใจ และ คำหรือวลีเด็ด
หลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์ยอดนิยม เช่น
‘Results oriented’, ‘ Go getter’, ‘ Creative’,
‘Innovative’, ‘energetic’, ‘driven’,
‘motivated’, ‘enthusiastic’, ‘hardworking’,
‘team-player’, ‘loyal’, ‘client-focussed’, ‘achievement-oriented’.
ใคร ๆ ก็ใช้คำเหล่านี้ แล้วจะทำยังไงให้ Resume ของคุณโดดเด่น?
ลองใช้ คำที่แสดงถึงการกระทำที่ทรงพลัง เช่น
- “Developed a new training software manual”
- “Achieved all my sales targets”
- “Managed a team of three”
- “Initiated a health and safety program”
- “Founded a new society at the University”
- “Established new sales targets to help our company achieve a greater share of the market.”
- ใช้คำเหล่านี้ — created, led, analyzed, automated, owned, styled,
ไม่ควรใช้คำว่า — helped, assisted, worked, presented.
“Accomplished [X] as measured by [Y] by doing [Z]” — Laszlo Bock, Senior Vice President of People Operations at Google เขาเป็นคนคิดใช้สูตร X-Y-Z เพื่อเน้น Skills ใน Resume
การเขียนโดยใช้ สูตร X-Y-Z แสดงให้เห็นว่า ประสบการณ์ที่คุณมี คุณทำอะไร ทำไมถึงทำ และมันส่งผลอย่างไร
ตารางคำศัพท์ คุณสามารถเลือกนำไปใช้ได้
ไม่ควรใช้คำว่า “Participated” หรือ “Assisted”
คำศัพท์ เช่น “Spearheaded” และ “Mobilized” สามารถดึงดูดความสนใจของ Recruiter ได้ และทำให้ Resume ของคุณดูอ่านง่ายขึ้น คลิกเพื่อดูคำศัพท์เพิ่มเติม
_________________________________________________________________________
ข้อผิดพลาด 12: ไม่สามารถผ่านระบบ ATS ได้
ปัจจุบันบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งใช้ Applicant Tracking System (ATS) เพื่อสแกน Resumes และช่วยระบุผู้สมัครที่มีคุณสมบัติตรงกับที่ต้องการหามากที่สุด
การทำงานของระบบ ATS คือ จะค้นหา Keywords ที่ตรงกับ Job Description
องค์กรมักจะใช้ ATS ค้นหา Specialist Skill ที่พวกเขาต้องการ มากกว่าจะหาผู้สมัครที่อธิบายว่าตนเอง “Enthusiastic” หรือ “Hardworking” (คุณว่าไหมล่ะ?)
ตัวอย่างเช่น
- อย่าใช้คำย่อ เนื่องจากระบบ ATS อาจไม่เข้าใจความหมาย ให้ใช้คำว่า Bachelor of Technology อย่าใช้คำย่อว่า B.Tech หรือจะเขียนทั้ง 2 แบบเลยก็ได้
- อย่า – สุ่มใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่, ใช้เครื่องหมายต่าง ๆ เช่น + – * / $ =, ขาดความสอดคล้อง, ไม่มีเว้นวรรค, ตัวย่อ, และการพิมพ์ผิด
ดังนั้น จะทำ Resume ยังไงให้ผ่าน ATS proof (อ่านเพิ่มเติม)
ระบบ ATS บางตัว สามารถจับ กาล (Tenses), พหูพจน์ (Plurals) และรูปแบบคำอื่น ๆ ได้ แต่ส่วนใหญ่จะจับได้เฉพาะคำที่ตรงกันเป๊ะ ๆ ทั้งหมด
_________________________________________________________________________
ข้อผิดพลาด 13: คำอธิบาย Project (ข้อนี้สำคัญ)
- ใช้เทคนิค STAR ในการเขียน Resume และในการตอบคำถาม – Situation (สถานการณ์), Task (งาน), Action (การดำเนินการ) และ Result (ผลลัพธ์)
- เขียน Timeline สำหรับ Project ที่คุณทำ
- เขียนอธิบายว่า Project ของคุณ มี Impact อย่างไร
- ระบุด้วยว่าทำไมคุณถึงทำ Project นั้น แรงบันดาลใจคืออะไร (แต่ถ้าคุณไม่อยากเขียนไว้ใน Resume) อย่าลืมเตรียมคำตอบ ไว้ตอบระหว่างการสัมภาษณ์ด้วย (Optional)
- ถ้าเป็นไปได้ รวม Test Cases หรือจำนวน Test Cases ที่คุณเขียนสำหรับ Project หรือ Internship
- มี % และ ตัวเลข ระบุใน Projects เช่น Accuracy was 76.15%. Or used 100,000 image samples to train an ML model. Improved performance by 13%. Reduced latency by 2ms/check.
- รวมถึงวิธีที่คุณ Reduced Latency และวิธี Improved Performance ของคุณ
- เริ่ม Bullet Points ของคุณด้วยคำที่ทรงพลัง (Powerful Verbs)
- สิ่งที่คุณต้องการให้พวกเขาถามหรือพูดถึงในการสัมภาษณ์ ให้ใส่ไว้บนสุดใน Resume ของคุณ
- อย่าเขียนอธิบาย Job Responsibilities ให้เขียนอธิบาย สิ่งที่คุณทำสำเร็จ
หรือ ทำตามโครงสร้างนี้ เพื่ออธิบายประสบการณ์ Internships ของคุณ
สิ่งที่ทำ?
คุณทำอะไร?
คุณทำมันได้อย่างไร?
คุณได้เรียนรู้อะไรจากสิ่งที่ทำ?
อะไรคือความท้าทาย?
ส่งผลอะไรต่อ Users?
สิ่งที่ “ควร” เขียน:
- Grew email subscriber list from 80 to 200 in six months by implementing a new email format.
- Reorganized storage of supplies, reducing time spent on inventory by 20%.
- Built a cost-effective face detection API model, which saved $250k+ dollars per year for the company by replacing a third party service used for face detection and blurring technique by using ensemble technique for building multiple ML models and achieved an accuracy of 92% with a less false positive rate of around 5%.
สิ่งที่ “ไม่ควร” เขียน:
- “Implemented Pixel perfect image processing”
- เพราะไม่สามารถวัดผลได้ ให้เขียนว่าคุณทำอะไร Pixel ถึงสมบูรณ์แบบ
- Worked with NLP and research work related to image processing and model creation and proving support to other members.
- เพราะเป็นคำอธิบาย Project ที่คลุมเครือ ให้เขียนสิ่งที่คุณทำและวิธีที่คุณทำ ไม่ใช่เขียนแค่สิ่งที่ Machine Learning Engineer ทั่ว ๆ ไปทำกัน
Summary: “อย่าคัดลอก Job Description ใส่ใน Resume เพื่อระบุ Responsibilities ของคุณ” อย่าเขียนสิ่งที่ไม่ใช่ความจริงหรือสิ่งที่คุณไม่ได้ทำ
_________________________________________________________________________
ข้อผิดพลาด 14: ข้ามขั้นตอนการรีวิว Resume
ลองขอให้ เพื่อน ครอบครัว และเพื่อนร่วมงาน ช่วยดู Resume ของคุณ และให้พวกเขา Comment หรือ Feedback อย่างตรงไปตรงมา ด้วยความจริงใจ
อย่าอายโดยการพูดว่า “แต่ Resume ของฉันยังไม่ดีพอที่จะโชว์ให้ใครเห็นในตอนนี้” หรือ “กลัวที่จะถูกตัดสิน” เพราะอย่างไรก็ตามคุณต้องเจอ Recruiter ตัดสินอยู่ดี
ปัจจุบัน มี Online Services หลายบริษัทที่ให้คำปรึกษา และข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับ Resume มีทั้งแบบฟรีและเสียค่าใช้จ่าย
_________________________________________________________________________
ข้อผิดพลาด 15: ข้อมูลเท็จ
- อย่าอวดอ้างมากจนเกินไป แสดงความจริงใจ เพราะยังไงพวกเขาจะรู้ความจริงในที่สุด
- อย่าอวดอ้างว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในทุก ๆ เรื่อง
- อย่าโกหก เพราะไม่มีใครจะได้เป็นผู้ชนะ และทำให้ทุกคนเสียเวลาเปล่า
ดังนั้น อย่าโกหกใน Resume ของคุณ เพราะยังไงแล้วความจริงคือความจริง สักวันมันต้องปรากฏให้รู้ให้เห็น
คุณไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์หลายปี เพื่อให้ได้ Tech Job แม้ว่า Job Description จะเขียนว่าต้องการ “ประสบการณ์ 1 – 2 ปี”
ดังนั้น คุณจะหาประสบการณ์ได้อย่างไร? (โดยที่ยังไม่เคยทำงานมาก่อน) ลองทำสิ่งเหล่านี้ดู
- มีส่วนร่วมใน Open-Source Projects (ช่วยเหลือผู้อื่น)
- ทำ Freelance Projects
- ทำ Volunteer Projects หรือ Personal Projects
- เข้าร่วม Hackathons และ List แต่ละรายการลงใน Resume คุณอาจได้ Internship กับบริษัท โดยการเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว
_________________________________________________________________________
ข้อผิดพลาด 16: กิจกรรมอาสาสมัคร และ ความสำเร็จ
เล่าว่าคุณได้ใช้ Skills ของคุณ ตอบแทนสังคม
1 – 2 Bullet Points เกี่ยวกับประสบการณ์อาสาสมัคร อธิบายว่าคุณทำหน้าที่อะไร
อย่า อธิบายว่าทำไมคุณถึงร่วมเป็น อาสาสมัคร
อย่า เขียนทุกกิจกรรมที่คุณทำที่มหาวิทยาลัย หรือโครงการอาสาสมัครที่คุณเคยร่วม
อย่า เขียนทุกรางวัลหรือใบประกาศนียบัตรทุกใบ ที่คุณได้จนถึงปัจจุบัน
ตัวอย่างที่ดี:
- Volunteered at LIFT-OFF C, a month-long Program to teach C language and clear doubts of 200+ participants.
- Hosted Eastern India’s Largest E-Summit Hackathon comprising of 113 teams.
- Organized and tutored Git workshop, Python workshop and Ubuntu install fest to help bring the student community closer to the field of Open Source.
- 2nd Runners Up at Hack-A-Bit hackathon. Created a platform for live feedback from the audience through grouped emotion analysis.
- Volunteered during summers for Habitat for Humanity and ABC Homeless Shelter.
Summary: โชว์พอเป็นพิธี ไม่ต้องใส่ทุกรางวัลที่ได้รับมาทั้งหมดในชีวิต
_________________________________________________________________________
ข้อผิดพลาด 17: งานอดิเรก (Optional)
งานอดิเรกที่คนส่วนมากชอบเขียน เช่น Dancer, Reader, Traveler และ Writer ซึ่งก็ดีนะ แต่คุณสามารถทำให้งานอดิเรกของคุณ เหมาะกับ Job Profile ได้มากกว่านี้
ลองพูดถึงงานอดิเรกให้เหมาะกับ ตำแหน่งงาน หรือ บริษัท ที่จะไปยื่นใบสมัคร ยกตัวอย่างเช่น
- บริษัทเกี่ยวกับการเงิน ชอบ ผู้สมัครที่มี Poker Skills
- Chess and Meditation มักจะได้รับการชื่นชมเกือบทุกครั้ง
- Gymming หากบริษัทเป็น Fitness Brand
Tips:
- เปิดเผย พูดความจริง
- อย่าอายที่จะพูดถึงตัวเอง จงอ่อนน้อมถ่อมตน และเล่าถึงความสำเร็จของคุณ
- อัพเดท Resume ด้วย Skills ใหม่ ๆ ของคุณอยู่เสมอ
- ถ้าจะใส่ลิงค์ ให้ใส่ไว้ด้านบนหรือด้านข้าง แต่ไม่ควรใส่ด้านล่างของ Resume
- Resume ที่เขียนอย่างตรงประเด็น มีความยาวเพียง 1 หน้า ก็เพียงพอที่จะทำให้คุณได้งานในฝัน (สามารถมากกว่า 1 หน้าได้ หากมีข้อมูลที่จำเป็นต้องใส่ลงไป)
- นายจ้างหลายแห่งก็ให้ความสำคัญกับ “ประสบการณ์” มากกว่า “การศึกษา” ของคุณ
- Internships มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า Projects
- ใบประกาศนียบัตรและคอร์สเรียนต่าง ๆ เป็นใบเบิกทางที่ดี ใน Resume รวมถึงรางวัลและโครงการอาสาสมัครต่าง ๆ แต่ต้องเขียนให้กระชับได้ใจความ และใบรับรองใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่จะสมัคร ให้เอาออก
- งานอดิเรก ความสนใจส่วนตัว และกิจกรรมต่าง ๆ ไม่จำเป็น สำหรับตำแหน่งที่เน้น Technical การใส่งานอดิเรกดังกล่าว อาจช่วยคุณได้หากคุณกำลังจะยื่นสมัครกับบริษัท Startups เพราะพวกเขาอาจต้องการแบบ Mixed Profile
- กล่าวถึง ผลงาน/ความสำเร็จ ของคุณก่อน จากนั้นค่อยพูดถึงสิ่งที่คุณทำร่วมกับทีม
- HR บางบริษัท จะมองหาข้อผิดพลาดใน Resume ของคุณ เพื่อตัดสินคุณ ก่อนจะพิจารณาจุดที่สำคัญ
- คุณสามารถทำ Project ดี ๆ เพื่อนำไปใส่ใน Resume ของคุณก็ได้
ที่สำคัญคือ คุณจำเป็นต้องมี “จุดแข็ง”
ยกตัวอย่าง จุดแข็ง (Strengths)
creative, analytical, decisive, organized, energetic,
calm under pressure, risk-taking, thinking outside the box,
detail-oriented, initiative, flexible, multitasking,
good planner, persistent, good at taking feedback,
independent, data-driven, persuasive, not afraid of challenges,
good mentor; caring, self-critical, add humor and fun to a team,
enjoy learning new skills, prioritization.
ยกตัวอย่าง จุดอ่อน (Weaknesses)
lack of confidence, overly confident,
not detail-oriented, unrealistic,
makes too many assumptions, too negative,
indecisive, impatient, procrastinator,
stubborn, hesitant asking for help, difficulty admitting failure,
take feedback personally, overanalyzing,
too direct, bad at multitasking,
easily distracted, shy, short attention span, micromanages people.
Summary: เขียนสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่จะสมัครเท่านั้น
_________________________________________________________________________
เพิ่มความสร้างสรรค์กับการหางานของคุณ:
- มีหลายคนที่สร้าง Video Resume → ทำเป็นโฆษณา (ใน Google หรือ Facebook หรือ LinkedIn) และกำหนดเป้าหมายไปที่ HR ในประเภทธุรกิจที่คุณอยากสมัครงาน พวกเขาจะแปลกใจ ถ้าพวกเขาเห็นว่าคุณนำเสนอตัวเองในโฆษณา ขณะที่พวกเขากำลังดู YouTube หรือเลื่อน LinkedIn อยู่ ทำให้พวกเขาสนใจคุณมากพอ ที่จะเรียกให้คุณสัมภาษณ์
- คนส่วนใหญ่ได้รับการจ้างงานผ่าน Networks ไม่ใช่โดย Resumes ดังนั้น จงสร้าง Networks ของคุณเอง
คุณสามารถใส่มุขเพิ่มเสียงหัวเราะใน Resume ได้ (แต่ต้องระวัง อย่ามากเกินไป และควรใช้ตามความเหมาะสมเท่านั้น) เช่น
- I have an excellent track record, although I am not a horse.
- I procrastinate, especially when the task is unpleasant.
- Personal interests: donating blood. Fourteen gallons so far.
- My abilities include smelling code/fear.
และทั้งหมดนี้คือ วิธีเขียน Resume สำหรับ Software Engineering รวมถึงตำแหน่งงานไอทีอื่น ๆ หวังว่าบทความนี้จะช่วยทำให้ Resume ของคุณ พาคุณไปยังเป้าหมาย หรืออาชีพในฝันได้นะคะ และถ้าคุณกำลังหางานในสายไอที สามารถคลิกลิงค์นี้ https://www.ismtech.net/search-it-jobs เพื่อดูตำแหน่งงานที่กำลังเปิดรับได้เลยค่ะ
หรือส่ง Resume ของคุณง่าย ๆ มาที่ https://www.ismtech.net/submit-your-resume แล้วคุณจะพบว่าอนาคตและโอกาสก้าวหน้ากำลังรอคุณอยู่
ISM เชี่ยวชาญในธุรกิจ IT Recruitment & IT Outsourcing โดยเฉพาะ เปิดทำการมากว่า 30 ปี มีพนักงานทุกสายและทุกระดับทางด้าน IT ที่ได้ร่วมงานกับลูกค้าองค์กรใหญ่ที่มีชื่อเสียงและบริษัทข้ามชาติมากมาย
Source: https://zriyansh.medium.com/