
เรียนรู้ความแตกต่างระหว่าง Encoding, Hashing และ Encryption กับ 3 พื้นฐานสำคัญที่ช่วยปกป้องข้อมูลในยุคดิจิทัล พร้อมตัวอย่างจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Cybersecurity โดย Shahzaib
คุณ Shahzaib ยังจำช่วงเวลานั้นได้ดี ตอนเขาอายุ 22 ปี เพิ่งจบใหม่ และเพิ่งเริ่มงานแรกในสายเทคโนโลยี เขาภาคภูมิใจกับระบบ Login ที่สร้างขึ้นเอง และอวดให้หัวหน้าดูว่า “ปลอดภัยมากครับ และเข้ารหัสรหัสผ่านทั้งหมดด้วย Base64”
หัวหน้าซึ่งเป็น Security Engineer ที่ผ่านประสบการณ์มานับ 10 ปี มองเขาแล้วพูดเพียงว่า “นายแค่เอากุญแจไปซ่อนไว้ใต้พรม แล้วบอกว่ามันคือระบบรักษาความปลอดภัย” นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ที่ทำให้เขาเข้าใจจริง ๆ ว่า “อะไรคือสิ่งที่ทำให้ข้อมูลปลอดภัยจริง ๆ”
1. Encoding: ตัวแปลภาษา ไม่ใช่ยามรักษาความปลอดภัย
เริ่มจากเรื่องพื้นฐานที่สุด Encoding ไม่ใช่การรักษาความปลอดภัย
มันเป็นเพียง “การแปลงรูปแบบของข้อมูล” เพื่อให้ระบบสามารถอ่าน ส่ง หรือจัดเก็บได้อย่างถูกต้อง ลองนึกภาพว่าคุณเขียนหนังสือภาษาอังกฤษ แล้วนำไปแปลเป็น Morse Code เนื้อหาเดิมยังอยู่ครบทุกคำ แค่เปลี่ยนรูปแบบให้ต่างออกไปเท่านั้น ซึ่ง Base64 ก็เช่นกัน มันเพียงแปลงข้อมูล Binary ให้เป็นตัวอักษร เพื่อส่งผ่านอีเมลหรือเก็บในฐานข้อมูลได้ง่ายขึ้น
การใช้งาน Encoding ที่ถูกต้อง ได้แก่:
- การแนบไฟล์ในอีเมล
- การเก็บข้อมูลในฐานข้อมูล
- การส่งข้อมูลระหว่างระบบ
แต่ Encoding ไม่ได้เพิ่มความปลอดภัยใด ๆ ทั้งสิ้น ใครที่รู้วิธี “ถอดรหัส” ก็สามารถอ่านข้อความทั้งหมดได้ทันที ดังนั้น Encoding คือการแปลงรูปแบบ ไม่ใช่การป้องกัน
2. Hashing ลายนิ้วมือดิจิทัลของข้อมูล
ถัดมาคือ Hashing นี่เริ่มเข้าสู่ “ของจริง” ในโลกความปลอดภัย ซึ่ง Hash คือฟังก์ชันที่เปลี่ยนข้อมูลใด ๆ ให้เป็น “รหัสย่อ” ที่มีความยาวคงที่และไม่ซ้ำกัน สิ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อเปลี่ยนข้อมูลเพียง 1 ตัวอักษร ผลลัพธ์ของ Hash ก็จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จึงเหมาะสำหรับการใช้งานต่อไปนี้:
- ตรวจสอบว่าข้อมูลที่ดาวน์โหลดไม่ถูกแก้ไข
- เก็บรหัสผ่านอย่างปลอดภัย (โดยไม่ต้องเก็บรหัสจริง)
- ตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัล
การพัฒนาของ Hashing และบทเรียนจากความผิดพลาด
ในช่วงปี 2000 เราเคยนิยมใช้ MD5 Hashing เพราะมันเร็วและสะดวก แต่ต่อมาพบว่ามีสิ่งที่เรียกว่า “Collision” ข้อมูลต่างกันแต่ให้ผลลัพธ์ Hash เดียวกัน ซึ่งเท่ากับว่ามีคนปลอม “ลายนิ้วมือ” ได้ ดังนั้น MD4 และ MD5 จึงถูกจัดว่า “ไม่ปลอดภัย” อีกต่อไป ปัจจุบันเราจึงใช้เทคโนโลยีที่แข็งแกร่งกว่า เช่น
- SHA-256 (ในตระกูล SHA-2)
- SHA-3
- bcrypt (นิยมใช้ในการเก็บรหัสผ่าน)
เมื่อคุณ Shahzaib เข้าไปตรวจสอบระบบใดแล้วยังเห็น MD5 อยู่ เขารู้ทันทีว่ามันคือ “กุญแจที่ขโมยทั่วโลกมีสำเนาอยู่แล้ว” ดังนั้น Hash ใช้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล แต่ไม่สามารถถอดกลับได้
3. Encryption: ตู้นิรภัยดิจิทัลที่แท้จริง
ส่วน Encryption คือเทคโนโลยีที่ให้ “การปกป้องจริง” ต่างจาก Encoding และ Hashing ตรงที่มันสามารถ “ถอดกลับได้” แต่เฉพาะคนที่มี Key เท่านั้น ลองนึกถึงตู้เซฟที่คุณใส่ของมีค่าไว้ข้างใน คนที่ไม่มีกุญแจ ไม่มีทางเปิดได้
AES-256: ระบบเข้ารหัสหลักที่ทั่วโลกเชื่อถือ
ปัจจุบัน AES (Advanced Encryption Standard) โดยเฉพาะแบบ 256-bit Key ถือเป็นมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก เพราะมันมีทั้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง
จุดเด่นของ AES-256 คือ:
- ผ่านการทดสอบ โดยผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก
- หน่วยงานระดับรัฐบาล เช่น NSA ใช้ในการปกป้องข้อมูลลับสุดยอด
- ใช้งานได้ทั้งในโทรศัพท์ มือถือ และระบบองค์กรขนาดใหญ่
คุณ Shahzaib เคยช่วยคลินิกแพทย์แห่งหนึ่งนำ AES-256 มาใช้เก็บข้อมูลคนไข้ ตอนแรกหมอไม่เข้าใจว่าทำไมต้องซับซ้อนขนาดนั้น เขาเลยอธิบายว่า “นี่คือตู้นิรภัยที่ต่อให้เอาคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องบนโลกมาช่วยกันเปิด ก็ยังต้องใช้เวลาหลายพันล้านปี” หลังจากนั้นเขาก็ไม่ถามต่อเลย
ทำไมพื้นฐานเหล่านี้ยังสำคัญในปี 2026
หลายองค์กรไม่ได้ถูก Hack เพราะเทคโนโลยีใหม่ไม่ดี แต่เพราะ “ใช้ของเก่าอย่างผิดวิธี” หรือเข้าใจผิดตั้งแต่พื้นฐาน คุณ Shahzaib เพิ่งเจอ Tech Startup แห่งหนึ่งที่เก็บข้อมูลลูกค้าด้วย Base64 แล้วบอกว่ามันคือ “การเข้ารหัส” พอเขาลองถอดดูตรงหน้า CEO ข้อมูลทุกอย่างอ่านได้หมด สีหน้าของเขาคงเหมือนคุณ Shahzaib ตอนอยู่ในห้องของหัวหน้าเมื่อหลายปีก่อน
ความจริงคือ เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว แต่หลักการพื้นฐานของ Security นั้นคงเดิมเสมอ
สรุป: ความเข้าใจพื้นฐานคือกุญแจของความปลอดภัย
หลายองค์กรไม่ได้ถูก Hack เพราะเทคโนโลยีใหม่ไม่ดี แต่เพราะยังใช้ของเก่า เช่น MD5 หรือเข้าใจผิดว่า Encoding คือ Encryption
- Encoding: แค่แปลงรูปแบบข้อมูล
- Hashing: ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
- Encryption: ป้องกันและเข้ารหัสข้อมูลจริง
ใครที่เข้าใจสิ่งเหล่านี้อย่างถูกต้อง
คุณจะอยู่เหนือกว่า 90% ของคนที่สร้างระบบ “ปลอดภัย” แบบผิด ๆ ในทุกวันนี้
บทเรียนสำคัญ: บทเรียนจากประสบการณ์จริง ในโลกของ Cybersecurity คือ ความปลอดภัยของคุณ ขึ้นอยู่กับ “ความเข้าใจของคุณเอง”
และทั้งหมดนี้ก็คือ 3 เทคโนโลยีด้าน Data Security ที่คุณต้องรู้ในปี 2026
เมื่อ หางาน IT ให้ ISM Technology Recruitment เป็นอีกหนึ่งตัวช่วย เพื่อให้คุณได้ “ชีวิตการทำงานในแบบที่คุณต้องการ” เพียงส่ง Resume มาที่นี่
ISM เชี่ยวชาญในธุรกิจ IT Recruitment & IT Outsourcing โดยเฉพาะ ได้เปิดทำการมาแล้วกว่า 30 ปี มีพนักงานทุกสายและทุกระดับทางด้าน IT ที่ได้ร่วมงานกับลูกค้าองค์กรใหญ่ที่มีชื่อเสียงและบริษัทข้ามชาติมากมาย