See the original English version of this article here
วันนี้เราลองมาอ่านประสบการณ์ของคนไอทีท่านหนึ่งที่ชื่อ Jason In ซึ่งครั้งหนึ่ง เขาคนนี้เคยเป็นคนเขียน Code ที่แย่มาก่อน มาดูกันว่า เรื่องราวของเขาเป็นอย่างไร ทำไม การเป็นคนเขียน Code ที่แย่ ถึงเป็นเรื่องง่ายนัก และเขาสามารถผ่านสถานการณ์นั้นมาได้อย่างไร
คุณ Jason เล่าว่า เขาเคยเป็นคนเขียน Code ที่แย่มาก ๆ มาก่อน และในขณะนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ เขากำลังเขียนCode ที่แย่ ๆ อยู่ แต่ตอนนี้เขาได้ผ่านสถานการณ์นั้นมาได้แล้ว
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาเคยได้เห็นว่า Bill Gates ได้แชร์ประโยคนี้:
“ทุกคนสามารถเรียนรู้การเขียน Code ได้ และทุกคนก็ควรจะลองทำดู – Bill Gates”
และ Steve Jobs เองก็เคยกล่าวไว้ว่า:
“ทุกคนในประเทศนี้ ควรเรียนรู้การเขียน Program Computer เพราะมันช่วยสอนให้คุณได้รู้ถึงวิธีการคิด – Steve Jobs”
ผู้คนต่างพูดคุยเกี่ยวกับการ Coding, เขียน Program หรือ Website อยู่เสมอ Coding Bootcamps และ Online Coding Platforms มีให้เห็นอยู่ทั่วไป แตกต่างจากเมื่อ 20 ปีก่อน ตอนนี้ทุกคนสามารถเรียนรู้วิธีเขียน Code Program “Hello World” ในเวลาไม่ถึง 5 นาทีในแทบจะทุกภาษา
มีหลายคนชอบอ้างว่า พวกเขาสามารถเขียน Code เป็นแล้ว หลังจากที่ Run Program “Hello World” แรกเสร็จแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม มีคนจำนวนมากที่ควรจะเรียนรู้ให้เข้าใจอย่างแท้จริง ก่อนที่พวกเขาจะอ้างว่าพวกเขารู้วิธีการเขียน Code แล้ว
ลองดูตัวอย่างต่อไปนี้:
คุณเห็นความแตกต่างระหว่าง Code 2 Version นี้ไหม แม้ว่าทั้ง 2 Version จะให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกัน แต่ใน Version ที่ 2 ดูเหมือนจะดีกว่า คำถามที่น่าสนใจคือ ทำไมล่ะ?
ใน Version ที่ 1 นั้น ทุกครั้งที่เราเพิ่ม Element ใหม่ (Name) ลงใน Array เราต้องเปลี่ยน i ที่ใช้ใน For-Loop แต่ใน Version ที่ 2 ไม่ว่าเราจะแก้ไข Element ใน Array อย่างไร ก็ไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยน Print Function
คราวนี้ เรามาดูตัวอย่างที่แย่ยิ่งกว่า ซึ่ง Jason เองก็เคยทำในลักษณะนี้มาก่อนตอนที่เขาเพิ่งเริ่มเขียน Code เมื่อหลายปีก่อน:
เห็นไหม มันง่ายมากที่จะเขียน Code ที่แย่ ๆ ออกมา และที่นี่สนใจก็คือ โดยส่วนใหญ่แล้ว Code ที่แย่ ๆ เหล่านั้นมักทำงานได้เสมอ แต่อย่างไรก็ตาม พวกมันช่างเป็น Code ที่น่าเกลียดและดูจะไม่มีประสิทธิภาพและยากที่จะอ่านทำความเข้าใจ
ตอนนี้คงมีบางคนอยากจะถามว่า แล้ว Jason จะรู้ได้อย่างไรว่าเขากำลังเขียน Code ที่แย่ ๆ อยู่ ความจริงก็คือคุณไม่ทราบหรอก คุณอาจไม่ทราบว่า Code ของคุณมันแย่ จนกว่าจะมีคนมาบอกให้คุณได้ทราบ
Code สามารถทำให้ Clean, อ่านได้ง่าย และปรับขนาดได้ เช่นเดียวกับตัวอย่างที่เรามีด้านบน Version 2 ดีกว่า Version 1 ดีกว่า Version 3 การเขียนโค้ดนั้นไม่ยากเลย แต่การเขียน Code ให้ดีนั้นกลับไม่ใช่เรื่องง่าย
การเขียน Code ที่ดีและ Clean มันอาจจะใช้เวลานาน แต่เราก็ควรจะทำแบบนั้น ถามว่าทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะเราต้องการให้ คนอื่นเข้าใจ Code ของเราได้ง่ายขึ้นอย่างไรล่ะ เราคงอยากให้คนอื่นพูดกับเราว่า “เยี่ยมมาก ผมชอบวิธีที่คุณเขียน Code มาก ๆ เลย! ผมไม่เคยรู้เลยว่า Code จะสามารถถูกเขียนออกมาได้ดีขนาดนี้!”
และนี่คือคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคุณ Jason:
- จงอ่าน: มีหนังสือหลายเล่มที่ช่วยสอนวิธีการเขียน Code ให้ดีขึ้น เช่น Clean Code, The Pragmatic Programmer, Code Complete เป็นต้น
- อ่านให้มากขึ้น: เรียนรู้ว่า Big O notation คืออะไร แล้ว Design Patterns จะช่วยเราในการเขียน Code ที่สามารถปรับขนาด (Scalable) ได้อย่างไร
- อย่าลืม Review Code ที่เขียน: ลองถามจากผู้คนที่อยู่รอบข้างคุณดู (ซึ่งต้องเป็นคนที่รู้วิธีเขียน Code ด้วย) ให้ช่วยอ่าน Code ที่คุณเขียนและลองพูดคุยกับพวกเขาหากมีวิธีการเขียน Code ที่ดีกว่านี้
Jason กล่าวทิ้งท้ายว่า เขาเองก็ไม่ได้จะบอกว่า ใครก็ตามที่ต้องการเขียน Code จะต้องทำตามสิ่งที่เขาบอกทั้งหมด แต่ถ้าคุณต้องการเรียกตัวเองว่าเป็น Programmer หรือต้องการได้งานในตำแหน่ง Software Developer แล้วล่ะก็ จงเรียนรู้วิธีการเขียน CLEAN CODE ซะ
ISM Technology Recruitment Ltd. (#1 Tech Recruiter in Thailand) เราเชี่ยวชาญในธุรกิจ IT Recruitment & IT Outsourcing โดยเฉพาะ เปิดทำการกว่า 28 ปี มีพนักงานทุกสายและทุกระดับทางด้าน IT ที่ได้ร่วมงานกับลูกค้าองค์กรใหญ่ที่มีชื่อเสียงและบริษัทข้ามชาติมากมาย หากคุณเป็นคน IT ที่อยากทำงานท้าทายและร่วมงานกับองค์กรชั้นนำ สามารถฝากประวัติการทำงาน (Resume) ของคุณไว้กับ ISM ได้ที่ https://www.ismtech.net/submit-your-resume แล้วคุณจะพบว่าอนาคตและโอกาสก้าวหน้ากำลังรอคุณอยู่
Source: https://medium.com/