#1 tech recruiter in thailand

คำแนะนำจาก Software Developer สาววัย 19 ปี

See the original English version of this article here

บทความนี้น่าสนใจมากเพราะผู้เขียนบทความนี้ (คุณ Lydia Hallie) เป็น Software Developer วัย 19 ปี แต่เส้นทางชีวิตของเธอกลับไม่เหมือนกับคนส่วนใหญ่ในช่วงวัยเดียวกัน เราลองมาดูกันครับว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น และเธอมีคำแนะนำอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนบทความนี้เท่านั้นนะครับ

เริ่มต้นเขียน Code ได้อย่างไร

คุณ Lydia เริ่มต้นเขียน Code ตั้งแต่อายุ 15 ปี มี Blog เกี่ยวกับสุขภาพและไลฟ์สไตล์ใน Tumblur และมีคนติดตามเป็นหมื่นๆ ในเวลาไม่นาน เริ่มต้นจากที่เธอสร้าง Responsive Layouts ด้วย HTML, CSS และ jQuery แต่เพราะเธอไม่ชอบ Theme ที่มีอยู่ เธอเลยสร้างใหม่ด้วยตัวเอง ซึ่งทำให้เธอได้เริ่มพัฒนาทักษะ ความรู้ใหม่ๆ และยิ่งสนใจการพัฒนาเว็บไซต์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นเธอยังไม่คิดว่านี่จะเป็นงานที่ทำไปตลอดหรอก เพียงแค่สนุกกับการสร้างออกแบบเว็บไซต์ด้วยตัวเองเท่านั้น สำหรับการต้องไปโรงเรียน เธอรู้สึกว่ามันเป็นการเสียเวลาที่ต้องเรียนบางวิชาที่ไม่มีผลต่ออนาคต แต่เธอก็พยายามอย่างหนักในการเรียน และทำ Side Project ต่างๆ มากมาย รวมทั้งคอยสอนและช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ คนอื่นๆ มักจะบอกว่า เธอเป็นคนที่ขยันมาก แต่ก็เป็นคนที่ดู Relax ที่สุดเท่าที่เคยพบมาเช่นกัน

หลังจากเรียนจบระดับมัธยม เธอตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่อในมหาวิทยาลัยแล้ว ซึ่งดูจะเป็นเรื่องน่ากลัวสักหน่อย เพราะคนทั่วไปคิดว่า การเรียนมหาวิทยาลัยเป็นวิธีที่ทำให้คนประสบความสำเร็จในชีวิตได้ เธอเคยพยายามเรียนให้ได้เกรดสูงๆ เพื่อจะได้เรียนในสถาบันดีๆ แต่สุดท้ายแล้วพอจะไม่ได้ใช้มัน เธอกลับไม่รู้สึกเสียดายอะไร คนรอบตัวส่วนใหญ่ไม่เข้าใจเธอ แต่ก็มีบางส่วนที่เข้าใจและให้กำลังใจเธอเสมอ

ด้วยวัยเพียง 18 ปี เธอเป็นวัยรุ่นที่ได้เดินทางไปประเทศต่างๆ แต่เธอก็พยายามทำให้อนาคตดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา แม้จะไม่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย แต่เธอก็ได้ฝึกฝนเรื่องการ Coding อย่างเต็มที่เกิน 100% เธอตัดสินใจเข้า Coding Bootcamp 3 เดือน ที่ Florida ทั้งที่จริงเธอคิดว่าไม่จำเป็นเท่าไหร่ แต่เธอคิดว่ามันจะช่วยให้เธอได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น รวมทั้งอยู่ท่ามกลางคนที่ชอบและทำแบบเดียวกัน เธอทำ Personal Project ต่างๆ มากมายเพื่อพัฒนาทักษะการ Coding รวมทั้งเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ หลายอย่าง และในช่วง 3 เดือนนั้นเอง ก็มี Recruiter หลายคนติดต่อให้เธอไปทำงาน หลังจากที่เห็น Profile เธอใน LinkedIn ทั้งที่ไม่มีประสบการณ์ที่ไหนมาก่อน เธอไม่เข้าใจว่าทำไมบริษัทต่างๆ ถึงไม่อ่านประวัติเธอให้ดี เธอไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย แต่ทำไมบริษัทถึงยังต้องการเธอกันนัก? คำตอบที่ได้คือ เพราะเธอเรียนรู้โดยตรงจากการเขียน Code จริงๆ บริษัทส่วนใหญ่ไม่สนใจว่าคุณจะเรียนเก่งแค่ไหนในมหาวิทยาลัย แต่พวกเขาสนใจคนที่สามารถแสดงให้เห็นว่า มีทักษะการ Coding ที่ดีและชอบการ Coding มากแค่ไหน

เธอไม่อยากให้เข้าใจเธอผิดในเรื่องการเรียน ถ้าใครอยากเรียนมหาวิทยาลัย ก็ควรเลือกเรียนซะ แต่ถึงอย่างไรก็อย่ากดดันมากเกินไป เพราะในสังคมของกลุ่มคนเขียนโปรแกรมอาจจะดูโหดร้ายไปบ้าง บางคนเกลียดกันจากงานที่ทำ/จากโปรแกรมที่ Code มาด้วยกัน บางคนทำเหมือนว่าการนอน 2 ชั่วโมงต่อวันเพราะต้องเขียน Code ทั้งคืน, ทาน Junk-food, นั่งทำงานทั้งวัน เป็นวิถีชีวิตปกติของพวกเขา ซึ่งที่จริงมันไม่จำเป็นเลย

ชีวิตประจำวันของเธอ

หลังจากจบ Bootcamp แล้ว เธอจึงกลับไปยัง Stockholm และรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เริ่มต้นชีวิตในทางเดินที่เลือก สิ่งที่เธอทำหลังจากตื่นนอนคือ การยืดเส้นยืดสาย เนื่องจากคุณอาจนั่งทำงานหลายชั่วโมง นอกจากนี้จะช่วยให้คุณตื่นตัวเพราะหัวใจสูบฉีดเต็มที่และสมองก็ได้รับออกซิเจนเต็มที่ด้วย และนี่คือสิ่งที่เธอตั้งใจที่จะทำเป็นประจำ:

พยายามดูคอร์สออนไลน์เกี่ยวกับ Coding 2 ชั่วโมง/วัน: เธอชอบดูคอร์สออนไลน์เพราะ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และได้เทคนิคการเขียน Code จากผู้สอนด้วยวิธีที่แตกต่างและง่ายขึ้น เธอพยายามสร้าง Project ต่างๆ เพื่อฝึกฝนฝีมือตนเองเสมอ

พยายามทำ Personal Project อย่างน้อย 4 ชั่วโมง/วัน: เธอพยายามจะใช้ภาษาหรือเทคนิคที่ไม่เคยใช้มาก่อน เพื่อจะได้มีประสบการณ์มากขึ้น สิ่งที่เธออยากเน้นย้ำก็คือ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มันอาจจะยากและรู้สึกแย่ที่ดูเหมือนยังไม่เข้าใจอะไรเลย คุณอาจเริ่มตั้งคำถามในทักษะ Coding ของคุณ แต่มันก็ไม่แปลกเพราะคุณก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่สำคัญคือ คุณได้ทำในสิ่งสำคัญที่ควรทำแล้วหรือยังต่างหาก หากติดปัญหาอะไรก็ลองค้นคว้าดู ถามคนอื่น หรือไม่ก็ตั้งคำถามใน Stack Overflow ซึ่งมีคนเก่งๆ มากมายอยู่ที่นั่น จากนั้นพยายามจนหา Solution ให้เจอ ถึงยังหาไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก และเมื่อเวลาผ่านไปบางทีคุณอาจจะย้อนกลับมาคิดว่า นี่เราผ่านมันมาได้อ่างไร

พยายามอ่านอย่างน้อย 2 บทความ/วัน: เธอชอบที่จะมองสิ่งต่างๆ ในมุมมองที่แตกต่างไป เลือกบทความที่คุณสนใจ เช่น วิธีแก้ปัญหาการ Coding หรือ เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และอย่ายึดติดกับ Mindset บางอย่างจนเกินไป

พยายามแก้ปัญหาอย่างน้อย 5 เรื่องใน CodeWars Kata: CodeWars ถือเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณเมื่อคุณเริ่ม Coding (รวมทั้งเมื่อคุณ Coding มานานแล้วด้วย) Solution ที่ได้จากปัญหาต่างๆ มันมีประโยชน์กับคุณมากๆ คุณจะได้ความรู้เกี่ยวกับ Syntax มากมายเมื่อคุณได้เห็น Solution ที่คนอื่นๆ แนะนำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณไปสัมภาษณ์งาน บางทีคำถามต่างๆ อาจจะตรงกับสิ่งที่อยู่ใน CodeWars ก็ได้

พยายามไม่ทานพวก Junk-food: การรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ช่วยให้เธอสดชื่นและมีความสุข เธอรู้สึกมีพลังและมีแรงจูงใจมากขึ้นที่จะทานอาหารเช้าและกลางวันเพื่อสุขภาพ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการ Coding ให้ดียิ่งขึ้น ควรคิดถึงในระยะยาวด้วย เพื่อร่างกายของคุณที่ดีขึ้น จิตใจที่ดีขึ้น และ การ Code ที่ดีขึ้น (คุณยังสามารถยืดเส้นยืดสายหรือทำสมาธิระหว่าง Coding ด้วยก็ได้)

คุณจะสังเกตว่าเธอใช้คำว่า “พยายาม” ซึ่งนั่นไม่ทำให้เธอรู้สึกเครียดจนเกินไป แม้จะโฟกัสทุกอย่างเกิน 110% แต่วันไหนที่เธอไม่อยาก Coding ก็ดู Netflix ทั้งวัน ควรหาทางสร้างสมดุลในชีวิตของคุณ นั่นคือเหตุผลที่คนอื่นบอกว่า เธอดู Relax มาก อย่างที่กล่าวไปตอนต้น

บทสรุป

คุณ Lydia เขียนบทความนี้เพื่อสร้างแรงบันดาลในบางอย่างให้กับคนในสายอาชีพเดียวกัน การ Coding มีไว้สำหรับคนที่ชอบสร้าง, ชอบทำ, อยากจะออกจาก Comfort zone และอยากพัฒนาตนเอง สิ่งที่เธอแนะนำส่งท้ายก็คือ:

การเรียนในมหาวิทยาลัย อาจจะไม่สำคัญไปกว่า การที่คุณผลักดันตัวเองให้ถึงที่สุดและแสดง Passion ในการ Coding ออกมา
พยายามทำทุกอย่างเกิน 100% เพื่อแสดงให้ผู้คนเห็นความสามารถของคุณ แต่อย่าลืมรักษาสุขภาพ การนอนมันสำคัญมาก
เป็นเรื่องปกติที่คุณจะรู้สึกแย่เมื่อคุณคิดว่าเขียน Code ได้ไม่ดี อย่าปล่อยจิตตก เพราะทุกคนก็เคยเป็นแบบนี้ทั้งนั้นแหละ
เตือนตัวเองเสมอว่า “คุณมาได้ไกลเท่าไหร่แล้ว” ลองเปรียบเทียบตัวเองในวันนี้กับเดือนที่แล้วดูสิ เชื่อว่าต้องมีสักเรื่องที่คุณพัฒนาให้ดีขึ้นมากกว่าเดิมแน่นอน
อย่าปล่อยให้คนอื่นทำให้คุณรู้สึกว่า ภาษาที่คุณ Coding อยู่มันไม่ดี มันไม่จริงหรอก เพราะทุกภาษาล้วนมีประโยชน์ในตัวเอง

ทีมงานหวังว่าบทความนี้จะสร้างแรงบันดาลใจบางอย่างให้ผู้อ่านได้ รวมทั้งเลือกนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับชีวิตของแต่ละคนได้

ISM Technology Recruitment Ltd. (#1 Tech Recruiter in Thailand) เราเชี่ยวชาญในธุรกิจ IT Recruitment & IT Outsourcing โดยเฉพาะ เปิดทำการกว่า 25 ปี มีพนักงานทุกสายและทุกระดับทางด้าน IT ที่ได้ร่วมงานกับลูกค้าองค์กรใหญ่ที่มีชื่อเสียงและบริษัทข้ามชาติมากมาย หากคุณเป็นคน IT ที่อยากทำงานท้าทายและร่วมงานกับองค์กรชั้นนำ สามารถฝากประวัติการทำงาน (Resume) ของคุณไว้กับ ISM ได้ที่ https://www.ismtech.net/submit-your-resume แล้วคุณจะพบว่าอนาคตและโอกาสก้าวหน้ากำลังรอคุณอยู่

Source:  https://medium.com/

en