See the original English version of this article here
การที่คนไอทีโดยเฉพาะ Programmers/Developers หลายคนจริงจัง ทุ่มเทเวลา และรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของในงานหรือ Project ที่ทำอยู่ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ปัญหาคือ คุณจะมีเวลาให้ครอบครัว เพื่อนฝูง งานอดิเรก หรือเวลาให้ตัวเองน้อยลงเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งคุณจะรู้สึกแย่ หมดไฟ ขาดแรงบันดาลใจ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดกับ Meriam Kharbat เธอจะมาแชร์ประสบการณ์ของเธอ เกี่ยวกับ 6 วิธีรับมือกับความเหนื่อยล้าของ Programmer
1. รับมือกับ Overwork Culture
บางคนอาจรู้สึกภูมิใจกับ การที่ตัวเองยุ่งอยู่ตลอดเวลาและทำงานมากกว่า 8 ชั่วโมง/วัน คุณอาจมีเพื่อนบางคนที่คุยอย่างภาคภูมิใจเกี่ยวกับความยุ่งและความเหนื่อยล้าของพวกเขา พวกเขาคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม ซึ่งที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็อาจพลาดสิ่งที่สำคัญในชีวิตไป มีเพื่อนคนหนึ่งที่ถาม Merium ว่า เธอหาเวลาทำกิจกรรมอื่นได้อย่างไร ในขณะที่พวกเขาเองกลับบ่นว่าไม่มีเวลาทำกิจกรรมอื่น ๆ เลย
วัฒนธรรมที่เน้นการทำงานหนัก/ทำงานหลายชั่วโมงต่อวัน มันทำให้ Merium รู้สึกแย่มาก เธอมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า การทำงานที่ดีคือ การที่คุณได้ใช้เวลาว่างกับครอบครัวและเพื่อน หรือได้ทำงานอดิเรกควบคู่กับการทำงานหลักไปด้วย ถ้าเธอมีการพักผ่อนที่ดีเพียงพอและไม่รู้สึกฟุ้งซ่านในที่ทำงาน จิตใจของเธอก็จะไม่รู้สึกเหนื่อยล้า และที่สำคัญคือ การทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันก็น่าจะเพียงพอแล้ว
2. เรียนรู้จังหวะการทำงานของตัวเอง
เมื่อ Merium พบว่า ตัวเองทำงานล่วงเวลาเพื่อทำอะไรบางอย่างให้เสร็จหรือถูกกดดันจาก Deadline นั่นเป็นสัญญาณว่า เธอไม่ได้ประเมินงานที่ต้องทำได้อย่างเหมาะสม
คุณควรเรียนรู้จังหวะการทำงานของตัวเอง และไม่ตกปากรับคำในสิ่งที่เกินกว่าสิ่งที่คุณจะสามารถทำได้ ดังที่ Jason Fried กล่าวไว้ในหนังสือ “It Doesn’t Have to Be Crazy at Work” ว่า:
“หากคุณไม่สามารถทำทุกอย่างที่ต้องการได้ภายใน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ คุณควรต้องเลือกว่าสิ่งไหนที่คุณจะทำ ไม่ใช่เลือกการเพิ่มจำนวนชั่วโมงทำงาน ส่วนใหญ่ของสิ่งที่เราคิดว่าเราจะต้องทำ อันที่จริงเราอาจไม่จำเป็นต้องทำมันทั้งหมด มันเป็นแค่ตัวเลือกและบ่อยครั้งมันก็เป็นตัวเลือกที่ไม่จำเป็น”
สิ่งที่ต้องพิจารณาให้ดีอีกอย่างหนึ่งคือ การวางแผนอย่างเหมาะสม การแยก Project งานใหญ่ ๆ ออกเป็นงานที่เล็กลงซึ่งคุณจะสามารถทำงานได้ในไม่กี่ชั่วโมง วิธีการนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกว่างานเดินหน้าและมีประสิทธิผลมากขึ้น
การแบ่งปัญหาออกเป็นงานย่อย ๆ จะช่วยลดการผลัดวันประกันพรุ่ง เมื่อ Meirum รู้สึกว่าเธอกำลังดิ้นรนเพื่อที่จะทำทุกอย่างให้ราบรื่นขึ้น เธอมักจะเริ่มต้นทำงานสักอย่างหนึ่งก่อน การทำในขั้นแรกคือส่วนที่ยากที่สุด แต่จากนั้นมันจะง่ายขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้คุณเข้าถึงปัญหาที่จะแก้ได้อย่างแท้จริง
สำหรับ Merium เธอยังจัด Priority ของงานตามระดับ Energy ของเธอด้วย มีงานวิจัยบอกว่า เรามีความมุ่งมั่นน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป ถ้าสามารถกำหนดทุกอย่างได้ เธอจะเลือกทำงานเขียน Program และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในช่วงเช้า และเข้า Meeting กับทีมในช่วงบ่ายเมื่อ Energy ของเธอเริ่มลดลง
3. รู้จักจัดการกับสิ่งที่รบกวนการทำงาน
ตอนที่ Meirum เปลี่ยนงานจากการทำงานแบบ Remote มาเป็นทำงานใน Office เพื่อนของเธอเริ่มสังเกตเห็นว่า Merium ใช้เวลาในการทำงานมากขึ้นและมักจะดูเหนื่อยล้าเมื่อได้พบกัน เธอพบว่า ตัวเองมักเริ่มพูดถึงสิ่งต่าง ๆ เช่น “ฉันพยายามเริ่มงานให้เร็วขึ้นเพื่อทำงานให้เสร็จ” หรือ “บางครั้งฉันก็อยู่จนดึกเพราะ Office เงียบกว่าช่วงกลางวัน”
Merium มีโอกาสได้อ่านหนังสือ “Peopleware” ของ Tom DeMarco ในหนังสือมีการกล่าวว่า การทำงานล่วงเวลาไม่ได้เป็นวิธีที่จะการันตีว่า เมื่อเพิ่มจำนวนเวลาทำงานให้มากขึ้นแล้ว จะช่วยปรับปรุงคุณภาพของงานโดยเฉลี่ยไปด้วย
Merium จึงเริ่มทดลองบางอย่าง:
-
- หาห้องที่เงียบสงบเพื่อใช้ทำงาน
- ขอร้องให้คนใน Office คุยโทรศัพท์เรื่องส่วนตัวในห้องประชุมแทน
- ใช้ Headset ที่ช่วยตัดเสียงรบกวน
- ช่วงเช้าทำงานใน Office และช่วงบ่ายจากที่บ้าน
ตอนนี้ Meirum รู้สึกว่า เธอยังคงพยายามหาสมดุลให้ตัวเอง แต่จนถึงตอนนี้ เธอคิดว่าตัวเลือกในข้อสุดท้าย ดูจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
4. เรียนรู้ที่จะรับมือกับหัวหน้าของคุณ
พวกเราหลายคนอยู่ในบริษัทที่เพื่อนร่วมงานของคุณ มักจะจ้องมองคุณเมื่อคุณออกจาก Office ตรงเวลา Merium เคยมีหัวหน้าที่ยืนยันว่า พวกเรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญของการเริ่มต้นธุรกิจและเราควรจะทำงานล่วงเวลา ซึ่งเธอจะไม่ได้รับเงินเพิ่มแต่อย่างใด และตลอดเวลาที่เธอทำงานที่นั่น ก็พบว่าอันที่จริงแล้ว เราไม่จำเป็นต้องอยู่ทำงานล่วงเวลาเลย
มันไม่ใช่เพียงแค่คำถามเรื่องการได้รับเงินเพิ่มสำหรับเวลาที่ใช้ไปเท่านั้น อันที่จริง Merium ยินดีที่จะทำงานมากขึ้นด้วยซ้ำถ้ามันทำให้งานเดินหน้า หรือถ้าอยู่ใน Office แล้วมันมีประโยชน์ในแง่ที่ว่า เธอจะได้พูดคุยในเรื่องที่น่าสนใจกับเพื่อนร่วมงาน และได้เรียนรู้จากพวกเขา การที่ถูกบังคับให้ทำงานล่วงเวลาในห้องที่สลัว ๆ หรือมีเสียงดัง ไม่ได้ทำให้ชีวิต Meirum ดีขึ้นแต่อย่างใด
Manager บางคนยังคงยึดติดอยู่ในยุคอุตสาหกรรม ดูเหมือนพวกเขาจะคิดว่า คนเป็นเหมือนเครื่องจักร นั่นคือ ถ้าพวกเขาใช้เวลาใน Office มากขึ้นพวกเขาจะผลิตสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น แต่สำหรับ Productivity มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น คุณจะประหลาดใจกับจำนวนเวลาที่ผู้คนสามารถใช้ที่ Office โดยที่ไม่ได้ทำงานที่จำเป็นจริง ๆ
หากคุณต้องรับมือกับ Manager หรือหัวหน้างานดังกล่าว โปรดจำไว้ว่า ไม่มีใครที่จะกำหนดคุณว่าจะกลับบ้านได้เมื่อใด คุณต้องเรียนรู้ที่จะเห็นคุณค่าและปกป้องเวลาของคุณเอง หาก Manager ผลักดันให้คุณทำงานล่วงเวลา บางทีคุณก็ต้องเรียนรู้ที่จะหาทางพูดคุยเพื่อหา “ตรงกลาง” ที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน
5. รู้จักหยุดพักเสียบ้าง
โดยทั่วไป Merium มักจะพักเบรคจากการทำงานทุก ๆ 2 – 3 ชั่วโมง เธอจะวางขวดน้ำดื่มไว้ที่โต๊ะทำงานซึ่งมันทำให้เธอต้องไปห้องน้ำโดยอัตโนมัติ เธอจะพักด้วยการยืน บิดขี้เกียจ เปลี่ยนอิริยาบท และคุยกับเพื่อนร่วมงานตรงเครื่องชงกาแฟ
หรือหากเธอรู้สึกเหนื่อยล้าและไม่มีสมาธิหลังจากการ Meeting ที่ยาวนาน เธอก็จะออกไปเดินเล่น เพราะมีสวนอยู่ใกล้ ๆ Office ของเธอ การไปเดินเล่นท่ามกลางแสงแดดสักพักในช่วงฤดูหนาวแล้วกลับมาที่โต๊ะทำงาน จะช่วยทำให้เธอรู้สึกสดชื่นและมีสมาธิในการทำงานอีกครั้ง
6. เลื่อนกำหนดงานออกไป(บ้าง)
บางครั้งการเลื่อนกำหนดงานออกไปสักหน่อย (โดยไม่ทำให้งานเสียหาย) แล้วหันไปทำอย่างอื่นบ้าง จะช่วยให้คุณได้สงบจิตใจ ได้ห่างไกลจากปัญหา และได้สลับสับเปลี่ยนสิ่งที่ต้อง Focus แต่ก็ต้องดูตามความเหมาะสมว่า สามารถทำได้หรือไม่ อย่าง Mirium เองบางครั้งในช่วงพักเที่ยง เธอก็ใช้วิธีการอ่านหนังสือหรือบทความที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานเลย แต่ถ้าอยู่บ้านบางครั้งเธอก็จะ Sketch ภาพ
Mirium ได้เรียนรู้ว่า คาเฟอีนและน้ำตาลเป็นวิธีแก้ปัญหาชั่วคราว พวกมันมักจะหมดฤทธิ์ในไม่กี่ชั่วโมง แต่การได้หยุดพักและทำสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง จะช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นและทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น
ISM Technology Recruitment Ltd. (#1 Tech Recruiter in Thailand) เราเชี่ยวชาญในธุรกิจ IT Recruitment & IT Outsourcing โดยเฉพาะ เปิดทำการกว่า 30 ปี มีพนักงานทุกสายและทุกระดับทางด้าน IT ที่ได้ร่วมงานกับลูกค้าองค์กรใหญ่ที่มีชื่อเสียงและบริษัทข้ามชาติมากมาย หากคุณเป็นคน IT ที่อยากทำงานท้าทายและร่วมงานกับองค์กรชั้นนำ สามารถฝากประวัติการทำงาน (Resume) ของคุณไว้กับ ISM ได้ที่ https://www.ismtech.net/submit-your-resume แล้วคุณจะพบว่าอนาคตและโอกาสก้าวหน้ากำลังรอคุณอยู่
Source: https://medium.com/