#1 tech recruiter in thailand

Tech Burnout หรือระบบพัง? ทำไมคนเก่งถึงถอยออกมา

See the original English version of this article here

2025.08.07 Why Great Tech Minds Are Leaving The Tech Industry

 

ทำไมคนเก่งในสายเทคโนโลยีถึงตัดสินใจลาออกจากวงการ? สำรวจเบื้องหลังปัญหาความหมดไฟ การขาดความภักดี และระบบที่ไม่เอื้อต่อคนเก่งในยุคนี้ มาหาคำตอบกัน กับ Tech Burnout หรือระบบพัง? ทำไมคนเก่งถึงถอยออกมา

ทุกวันนี้ แทบไม่มีความภักดีหลงเหลืออยู่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเลย แล้วถึงเวลาที่เราควรถอยออกมาหรือยัง? (เรื่องราวมาจากประการณ์จริงของคุณ Sheila ที่ได้เล่าให้ คุณ Joe Procopio ฟัง)

คุณ Joe Procopio อ่านข้อความของคุณ Sheila ซ้ำถึง 2 รอบ แต่ก็ยังแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“ฉันจะลาออกจากวงการเทคโนโลยีแล้วนะ จริงจังเลย วันจันทร์นี้จะเริ่มงานใหม่แล้ว”

นั่นคือข้อความจาก “Sheila” ผู้ซึ่งกลายเป็นเหมือนฮีโร่นิรนามโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่คุณ Joe Procopio เขียนถึงเธอในบทความเมื่อเกือบ 1 ปีก่อนในฐานะ “พนักงานสายเทคคนเก่งคนสุดท้าย”

คนที่ได้อ่านบทความจำนวนมาก ต่างรู้สึกเห็นใจต่อความไร้สาระและความกดดันที่ทำลายจิตใจ จากงานในสายเทคโนโลยีของคุณ Sheila ในแต่ละวัน และเข้าใจว่า งานนั้นเริ่มกลายเป็นภาระที่ไม่คุ้มค่าที่จะทนอีกต่อไป จนเธออยากจะออกจากวงการนี้

คุณ Sheila ออกจากวงการได้จริง ๆ และเธอก็ไม่ได้หันกลับไปมองอีกเลย โดยหนึ่งปีต่อมา เส้นทางของเธอก็จบลงแทบจะเหมือนกับตอนที่เริ่มต้น… ด้วยเสียงถอนหายใจ แห่งความผิดหวัง

“ฉันเกลียดมัน” คุณ Sheila บอกกับคุณ Joe ตอนที่พวกเขาได้คุยกันต่อหน้าในวันถัดมา “ฉันเกลียดที่ต้องละทิ้งทุกสิ่งที่ฉันรักเกี่ยวกับการสร้าง Software เจ๋ง ๆ แต่ช่วงหลังมันก็ไม่ใช่เรื่องพวกนั้นอีกแล้ว”

คุณ Joe เห็นด้วยเลย แต่ถึงจะรู้สึกผิดหวังมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะตื่นมาวันหนึ่งแล้วตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางอาชีพได้ทันที แต่ดูเหมือนว่าสงครามภายในจิตใจระหว่างชีล่ากับวงการเทคโนโลยีจะสิ้นสุดลงแล้ว และฝั่งที่ชนะก็คือ… วงการเทคโนโลยี

เรามาคุยกันว่า ทำไมพนักงานสาย Tech คนเก่งคนสุดท้าย ถึงตัดสินใจออกจากวงการเทคโนโลยีอย่างถาวร

ทำไมคนสาย Tech ถึงหมดรักในวงการเทคโนโลยี

คุณ Sheila รักเทคโนโลยีด้วยเหตุผลที่ถูกต้องทุกอย่าง เธอรักคอมพิวเตอร์ รักการทำให้คอมพิวเตอร์สามารถทำสิ่งเจ๋ง ๆ ได้ รักปฏิกิริยาของผู้คนเวลาที่เห็นสิ่งเหล่านั้น และเธอก็รักที่ผู้คนยินดีจ่ายเงินจำนวนไม่น้อย เพื่อให้เธอสร้างสิ่งเจ๋ง ๆ แบบนั้นให้ โดยเธอรักวงการเทคโนโลยีมากว่า 10 ปี แต่ดูเหมือนว่าวงการนี้ไม่เคยรักเธอกลับเลย แถมยังเริ่มทำตัวเป็นศัตรูกับเธอด้วยซ้ำ

ในบทความต้นฉบับ คุณ Sheila ได้ติดต่อมาหาคุณ Joe หลังจากที่บริษัทของเธอทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก ต้องเผชิญกับการปลดพนักงานออกหลายรอบ การตัดงบประมาณและผลประโยชน์อย่างหนัก การตัดสินใจที่ผิดพลาดจากผู้บริหาร และการทดลองใช้งาน AI ระยะเริ่มต้นที่ไม่รอบคอบ

ตลอดเวลากว่า 1 ปี เธอเหมือนติดอยู่ในกรอบแคบ ๆ พร้อมกับคำสั่งให้สร้างผลลัพธ์ที่มากขึ้น ทั้งที่ทรัพยากรและเวลาถูกลดลงอย่างมาก

ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากทำงานอีกต่อไปหรอกนะ แต่เป็นเพราะเธอไม่สามารถทำมันได้ต่างหาก พวกเขาทำให้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำงานนั้นต่อ

สิ่งที่คุณ Joe บอกกับ Sheila ในตอนนั้นก็เหมือนกับสิ่งที่เคยถูกบอกในสถานการณ์คล้าย ๆ กัน เธอมีทางเลือก 2 ทาง คือ จะยืนหยัดสู้และต่อต้าน หรือจะนิ่งเงียบและรอให้สถานการณ์ผ่านไป แต่คุณ Joe ก็บอกเธอด้วยว่า จากประสบการณ์ของเขาเอง ได้ลองทั้ง 2 ทางมาแล้ว สุดท้ายก็จบลงด้วยการออกจากที่นั่น (หาทางออกด้วยการลาออก)

เธอบอกว่าเธอลองใช้แผนสำรอง ประมาณ 6 สัปดาห์ จากนั้นก็ใช้เวลาอีก 10 เดือนในการหางานใหม่
แต่สุดท้ายเธอก็ไม่เคยหางานใหม่ได้เลย

ทุกทาง ดูเหมือนจะไม่ไปไหน

คุณ Joe ก็ไม่รู้จะบอกอะไรดี คุณ Sheila ยังคงมีงานทำระหว่างที่เธอกำลังหางานใหม่ เธอมีคุณสมบัติครบถ้วนทุกข้อ และไม่ได้หางานที่ยากเกินความสามารถตัวเองเลย นี่คือสิ่งที่เธอบอกกับคุณ Joe

เว็บไซต์หางานแทบไม่มีประโยชน์เลย เธอยกตัวอย่างตำแหน่งงานหลายตำแหน่งที่เธอสมัครไปเมื่อ 10 เดือนก่อน แต่ยังคงเปิดรับสมัครอยู่จนถึงทุกวันนี้ เมื่อเธอสมัครงานที่บริษัทกำลังเปิดรับอย่างจริงจัง เธอบอกว่าได้สัมภาษณ์เบื้องต้นประมาณ 5% ของการสมัครทั้งหมด และได้เข้าสู่รอบสัมภาษณ์สุดท้ายประมาณ 10 ครั้งขึ้นไป หรือประมาณเดือนละ 1 ครั้ง โดยเกือบทุกงานที่เธอสัมภาษณ์รอบสุดท้าย ต้องมีการนำเสนอผลงานหรือทดสอบแบบสด ๆ ด้วย

แต่สิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดก็คือ หลังจากผ่านรอบสัมภาษณ์สุดท้ายแทบทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่หรือเล็ก ไม่ว่าตอนสัมภาษณ์จะดูเป็นมิตรหรือเย็นชา ก็มักจะได้รับแค่จดหมายตอบกลับแบบทั่ว ๆ ไปที่บอกเพียงว่า “ไม่ผ่าน” เท่านั้น ซึ่งอีเมลส่วนใหญ่นั้นถูกส่งโดยระบบอัตโนมัติ จากที่อยู่อีเมลแบบไม่รับการตอบกลับ และส่วนใหญ่หัวเรื่องก็ขึ้นต้นด้วยคำว่า “ขอบคุณที่สมัครงาน…” ราวกับว่าเธอเพิ่งส่ง Resume ไปเมื่อวานนี้เอง

“นั่นทำให้ฉันเริ่มคิดนะ” คุณ Sheila บอก “ไม่มีใครมีน้ำใจพอที่จะติดต่อมาแบบส่วนตัว หรืออย่างน้อยก็ให้เหตุผลสักหน่อยว่าทำไมฉันถึงไม่ได้งาน?” แล้วเธอก็ด่าคำหยาบออกมา ส่วนคุณ Joe ก็ได้แต่ยิ้ม “นั่นแหละคือสิ่งที่ผลักดันให้ฉันอยากออกไปจากวงการนี้จริง ๆ” คุณ Sheila กล่าว

จากนั้นเธอก็พูดถึงปัญหาอีกอย่างหนึ่งในการหางานที่ล้มเหลวของเธอ ยุทธวิธีหางานที่ไม่สำเร็จอีกทางหนึ่ง

เครือข่ายของเธอ: “คุณ Sheila รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก”

“ฉันค่อนข้างมั่นใจเลยว่าในปีที่ผ่านมา ฉันเสียเพื่อนไปหลายคน” คุณ Sheila ยอมรับ

เอาล่ะ คุณ Joe จะมาเล่าให้ว่าเรื่องการสร้างเครือข่ายของ Sheila เป็นเรื่องที่ไม่เหมือนใคร เพราะเขาเองก็ไม่เคยเจอกรณีแบบนี้มาก่อน แต่คิดว่ามันคุ้มค่าที่จะเล่าให้ทุกคนฟัง

แน่นอนว่า คุณ Sheila พึ่งพากับเพื่อนอยู่ประมาณ 1 – 2 คนที่ยังคงติดต่อหาเธออยู่ แต่เพื่อนกลุ่มนี้ก็อยู่ในสถานการณ์คล้าย ๆ กับเธอ คือไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้จริง ๆ ดังนั้น การพูดคุยกันส่วนใหญ่จึงกลายเป็นแค่การระบายความไม่พอใจมากกว่า ส่วนใหญ่เวลาที่เธอใช้ในการสร้างเครือข่ายจึงหมดไปกับการติดต่อคนดี ๆ ที่ก็ยุ่งกับปัญหาของตัวเอง และพวกเขาก็ให้คำมั่นว่าจะช่วยเหลือเธอ เมื่อมีโอกาส

นี่คือความคิดเห็นของคุณ Joe ซึ่งเคยเขียนถึงเรื่องนี้มาก่อนหน้านี้ การสร้างเครือข่ายส่วนใหญ่มักเหมือนกับการโยนอะไรสุ่ม ๆ ไปที่ผนัง แล้วรอให้มีคนบังเอิญ “เจอ” คนที่ใช่ พร้อมกับตำแหน่งงานที่เหมาะสม เพื่อที่จะได้แนะนำกันถูกคนถูกเวลาอย่างปาฏิหาริย์

กลับมาที่เรื่องของ Sheila ต่อ: เมื่อคุณโยนอะไรไปที่ผนังบ่อย ๆ ก็ต้องไป “โดน” คนอื่นบ้าง

“ฉันรู้ว่า ผ่านไปสักพัก ผู้คนก็เริ่มเบื่อที่จะได้ยินจากฉัน” คุณ Sheila บอก “และผ่านไปสักพัก ฉันก็ไม่มีอะไรจะเสนอให้ใครจริง ๆ แล้ว แล้วคุณก็รู้ว่า พวกเขาก็ไม่มีอะไรจะช่วยฉันเหมือนกัน โดยคุณ Sheila เริ่มกลัวเวลาที่ต้องติดต่อพวกเขา และบางคนก็ไม่ตอบกลับไปเลย”

เธอบอกว่าคนกลุ่มนั้น รวมถึงกลุ่มเพื่อนร่วมงานอีกกลุ่มที่ไม่เคยตอบกลับเลย หรือบางคนก็ตอบกลับด้วยความดูถูกอย่างเปิดเผย นั่นแหละคือเหตุผลสุดท้ายที่ทำให้เธอตัดสินใจออกจากวงการเทคโนโลยี

“ฉันรู้สึกเจ็บปวดมากจริง ๆ” คุณ Sheila กล่าว
“มันคือเรื่องคน เรื่องการขาด ความภักดี และความเป็นมนุษย์ ซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนสร้างอาชีพทั้งชีวิตขึ้นมา โดยไม่มีค่าอะไรเลย เหมือนว่าตัวเองมีทักษะที่ไม่มีใครสนใจ และเพื่อนที่แท้จริงก็ไม่เคยมี ตอนนี้กลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แล้วทำไมจะไม่เปลี่ยนแปลงล่ะ?”

ดูนะ เธอปล่อยวางเรื่องนั้นได้ค่อนข้างเร็ว เหมือนกับว่าขยี้มันออกไปจากตัวได้เลย แต่เรื่องนั้นก็ยังติดอยู่ในใจของคุณ Joe

“ผมเจ๋งไหม?” คุณ Joe ถาม

“ใช่ คุณโอเคดี” คุณ Sheila ตอบ

สิ่งที่คุณ Joe บอกเธอคือ

Sheila เธอไม่เคยเหมาะกับ “งานในวงการ Tech” แบบนั้นจริง ๆ หรอก อย่าเข้าใจผิดนะ เธอเหมาะกับการอยู่ในสายเทคโนโลยีจริง ๆ เธอทำสิ่งดี ๆ ได้มากมายในวงการนี้ แต่ทักษะและผลลัพธ์ที่เธอสร้างได้นั้น บ่อยครั้งกลับถูกลดคุณค่า และค่อย ๆ เลือนหายไปในสภาพแวดล้อมของวงการเทคโนโลยี”

นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นกับเฉพาะตัวของเธอ คนทำงานสาย Tech อีกหลายคนก็เจอแบบเดียวกัน นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้หลายคนมีภาพจำแบบตลก ๆ เกี่ยวกับ Software Developer หรือแม้แต่คนเก่งในวงการเทคโนโลยี

ข้อจำกัดของงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีบางครั้ง กลับกลายเป็นอุปสรรคต่อทักษะ และผลลัพธ์ที่เธอสามารถสร้างได้

และตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่แย่มาก สำหรับคนที่ไม่ได้เหมาะกับงานในวงการเทคโนโลยีแบบนั้นจริง ๆ

ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างเทคโนโลยีและธุรกิจนี้ สามารถสร้างปาฏิหาริย์สมัยใหม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริษัทเทคโนโลยี หรือบริษัทที่ก่อตั้งโดยคนที่เข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงรักเทคโนโลยี แต่เมื่อคนที่ไม่เข้าใจเทคโนโลยี เข้ามาควบคุมเป็นจำนวนมาก พวกเขามักจะลดคุณค่า ดันออก หรือแม้แต่ไม่จ้างคนแบบเธอตั้งแต่แรก

วันจันทร์นี้ คุณ Sheila จะเริ่มงานใหม่ บางทีในอนาคตความรักในเทคโนโลยีของเธอ อาจจะกลับมาจุดประกาย และดึงเธอกลับเข้าสู่วงการอีกครั้ง

แล้วคุณล่ะ รู้สึกเหมือนคุณ Sheila ไหม? หากคุณอยากหางานไอที ที่เหมาะกับคุณ ลองส่ง Resume มาให้ ISM คลิกเลย! https://www.ismtech.net/th/submit-your-resume/

และทั้งหมดนี้ก็คือ Tech Burnout หรือระบบพัง? ทำไมคนเก่งถึงถอยออกมา

เมื่อ หางาน IT ให้ ISM Technology Recruitment เป็นอีกหนึ่งตัวช่วย เพื่อให้คุณได้ “ชีวิตการทำงานในแบบที่คุณต้องการ” เพียงส่ง Resume มาที่นี่

ISM เชี่ยวชาญในธุรกิจ IT Recruitment & IT Outsourcing โดยเฉพาะ ได้เปิดทำการมาแล้วกว่า 30 ปี มีพนักงานทุกสายและทุกระดับทางด้าน IT ที่ได้ร่วมงานกับลูกค้าองค์กรใหญ่ที่มีชื่อเสียงและบริษัทข้ามชาติมากมาย

Source: https://ehandbook.com/

Related Articles

กับดักเงียบ ที่ทำลายอาชีพสาย Developer โดยไม่รู้ตัว

Developer อาจไม่รู้ตัวว่าสิ่งนี้กำลังฉุดรั้งอยู่ มาดูกันว่าพฤติกรรมแอบแฝงที่ทำให้คุณอาจไปต่อไม่ได้ กับ กับดักเงียบ ที่ทำลายอาชีพสาย Developer โดยไม่รู้ตัว