See the original English version of this article here

ลืมสิ่งที่คุณเคยคิดเกี่ยวกับการเขียน Prompt Engineering ไปได้เลย มันไม่ใช่เรื่องของการเขียน Prompt ให้ดูฉลาดขึ้น แต่มันคือการเขียน Prompt ให้ดู “ไม่ฉลาดจริง ๆ” แค่เขียนให้ต่างออกไปเท่านั้นเอง ซึ่งควรเขียนให้เรียบง่าย ชัดเจน ไม่ซับซ้อน มาดูกันว่า ทำไมการเขียน Prompt ให้ “ดูเรียบง่าย” ถึงได้ผลดีกว่าเดิม โดย คุณ Yog, Software Engineer
บทความนี้จะช่วยให้การทำงานของคุณไม่ว่าจะในฐานะ Software Developer, Programmer, Product Manager หรือ UX Writer มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการเขียน การสื่อสาร และการคิดเชิงระบบ
ตอนที่คุณ Yog เริ่มใช้ ChatGPT ใหม่ ๆ เขาคิดว่าเขาเข้าใจพื้นฐานด้านเทคโนโลยีหมดแล้ว เนื่องจากคุณ Yog เป็น Software Engineer โดยอาชีพ และเป็นนักเขียนสายเทคนิคโดยความหลงใหล ซึ่งเขามีประสบการณ์ทั้งการสร้างและพังสิ่งต่าง ๆ บนโลกอินเทอร์เน็ตมาตั้งแต่อายุ 16 ปี
คุณ Yog คิดว่า “งั้นการเขียน Prompt มันจะยากแค่ไหนกันเชียว?” ปรากฏว่า…ยากมาก ยากระดับที่ล้มเหลวมาแล้วกว่า 1,200 ครั้งเลยทีเดียว
คุณ Yog ได้แต่ถามตัวเองว่า: “ทำไมเจ้านี่มันไม่ให้สิ่งที่เขาต้องการสักที?” ที่น่าตลกก็คือ มันกำลังทำตามที่เขาขอเป๊ะเลย แต่สุดท้ายได้เข้าใจว่า ปัญหาคือ…ไม่รู้ว่าจะขออย่างไรต่างหาก
สัญญาณแรกที่บอกว่า บางอย่างมันไม่ปกติ
ช่วงปลายปี 2023 คุณ Yog กำลังสร้างเครื่องมือที่สามารถสร้างบทความแบบร่างบน Medium แบบอัตโนมัติจากโครงร่างหัวข้อ เขาต้องการเร่งขั้นตอนการทำงานของตัวเอง และทดลองใช้ร่างบทความที่สร้างด้วย AI ซึ่งเขาสามารถปรับให้เป็นธรรมชาติมากขึ้นและปรัปแต่งในภายหลังได้
ดังนั้นเขาจึงเริ่มเขียน Prompt ให้ ChatGPT แบบมือโปร “เขียน Blog Post ในเชิงวิชาชีพที่มีน้ำเสียงเป็นกันเองเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของ TypeScript โดยใช้ตัวอย่างที่ชัดเจน รักษาความลื่นไหลตามธรรมชาติของเนื้อหา และให้แน่ใจว่าผลลัพธ์นั้นเหมาะสำหรับ SEO โดยมีความยาวประมาณ 1,000–1,200 คำ
และสิ่งที่ ChatGPT ให้มา มันคิดว่าเป็นสิ่งที่เขาต้องการ แต่ร่างบทความแต่ละอันกลับรู้สึก…ไร้ชีวิตชีวา น่าเบื่อ คาดเดาได้ เหมือนหุ่นยนต์ ไม่มีอันไหนที่เขาสามารถเอาไปเผยแพร่ได้จริง โดยไม่ต้องใช้เวลาแก้ไขเยอะเลย
ช่วงเวลาที่รู้สึกหมดไฟ
หลายสัปดาห์ คุณ Yog พยายามเพิ่มคำขยายคำสั่งเข้าไป
- “ให้มีลักษณะเหมือนการสนทนา แต่ไม่ใช่แบบลวก ๆ”
- “หลีกเลี่ยงการเขียนให้ดูเหมือน AI”
- “ทำให้รู้สึกเหมือนเขียนโดย Developer “
- “ใช้คำย่อและประโยคที่มีความยาวหลากหลาย”
ถึงอย่างนั้น บทความที่ร่างมาก็ยังรู้สึก…ผิดที่ผิดทาง ไม่สำคัญว่าเขาจะเขียน Prompt ให้ยาวหรือละเอียดแค่ไหน ผลลัพธ์ก็ดูเหมือน AI กำลังพยายามพูดเหมือนคน ไม่ใช่คนที่ใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยเขียน และนั่นแหละคือปัญหา
แล้ววันหนึ่ง เขาก็ยอมแพ้
ตอนนั้นเป็นช่วงเวลากลางดึก คุณ Yog อดนอน เนื่องจากกำลังอยู่ครึ่งทางของกำหนดส่งงาน และเหนื่อยเกินกว่าจะเขียน Prompt ที่สมบูรณ์แบบ ด้วยความหงุดหงิด เขาจึงพิมพ์ว่า: “เขียนโพสต์นี้เหมือนกับว่าคุณเป็น Developer ที่หมดไฟ ผ่านความทรมานมาแล้ว และแค่อยากเตือนคนอื่นไม่ให้ทำผิดซ้ำแบบเดียวกัน” แล้วก็กด Enter
สิ่งที่ได้กลับมา มันไม่สมบูรณ์แบบ แต่…มันจริง เพราะมันมีน้ำเสียงเฉพาะตัว มีความดิบ มีความเป็นมนุษย์ มันเหมือนบางอย่างที่คุณ Yog จะเขียนในวันที่แย่ ๆ วันที่ไม่สนใจว่ามันจะดูเนี้ยบแค่ไหน ขอแค่มันพูดความจริงก็พอ และนั่นแหละ คือช่วงเวลาที่เขา “เห็นแสงสว่าง”
การเขียน Prompt ไม่ใช่แค่การสั่งงาน แต่มันคือเรื่องของ “บุคลิก”
หลังจากนั้น คุณ Yog ก็หยุดเขียน Prompt เหมือนกำลังสั่งงานเด็กฝึกงาน เขาเริ่มเขียนมันเหมือนกำลังพิมพ์ข้อความคุยกับเพื่อนสนิท
แทนที่จะพิมพ์ว่า: “เขียน Blog Post อธิบายเรื่อง OAuth2 โดยใช้แผนภาพและการเปรียบเทียบประกอบ”
คุณ Yog กลับพิมพ์ว่า: “ลองนึกว่าคุณกำลังอธิบาย OAuth2 ให้ลูกพี่ลูกน้องที่เพิ่งเริ่มเรียน Web Development แล้วเอาแต่ถามคำถามงง ๆ สามารถใช้รูปวาดก็ได้ถ้าจำเป็น” และแล้ว สิ่งที่ได้ออกมามันเหมือนบทบ่นของ Developer จริง ๆ เนื่องจากมีทั้งจังหวะ ความประชดประชัน แถมยังมีแผนภาพแบบ ASCII วาดเองอีกต่างหาก ดังนั้น มันมีชีวิตชีวาเลยล่ะ
ปรัชญาการเขียน Prompt
คุณ Yog จึงเขียนปรัชญาการเขียน Prompt ของตัวเองขึ้นมาใหม่ โดยตลอดหลายสัปดาห์ถัดมา เขาได้ทำการบันทึกสิ่งที่ใช้ได้ผล และสิ่งที่ไม่ได้ผล แล้วก็ได้รู้ว่า ที่จริงเขาไม่ได้ “ออกแบบ” Prompt เลยด้วยซ้ำ แค่เล่าเรื่องราว สร้างบริบท สร้างบทบาท และมอบบุคลิกให้ GPT ได้สวมบทบาทนั้น และนี่คือลักษณะโครงร่างคร่าว ๆ ที่ คุณ Yog สรุปออกมาได้:
1. อย่าอธิบายแค่ว่าต้องการผลลัพธ์แบบไหน: ให้บรรยาย “น้ำเสียง” ที่ต้องการแทน
Prompt ที่ไม่ดี: “เขียนบทความความยาว 1,000 คำ เกี่ยวกับประวัติของ JavaScript พร้อมข้อดีและข้อเสียของการพัฒนาภาษา”
Prompt ที่ดีกว่า: “เขียนเหมือนคุณเป็น JavaScript Developer รุ่นเก๋าที่เห็นความวุ่นวายมาตั้งแต่ปี 1995 แล้วกำลังบ่นให้เด็กรุ่นใหม่ฟังระหว่างจิบกาแฟ”
Prompt แบบที่สองจะไปกระตุ้น “ความทรงจำ” สร้างน้ำเสียงเฉพาะตัว GPT จะไม่ทำตัวเหมือน Search Engine อีกต่อไป แต่มันจะเริ่ม “เล่นบทบาท” ตามที่คุณกำหนดให้จริง ๆ
2. สร้าง “ฉาก” ไม่ใช่แค่ “โครงสร้าง”
แทนที่จะบอกว่า “เขียนให้เหมาะกับ SEO และมีหัวข้อ H2”
ตอนนี้จะเขียนว่า: “คุณกำลังจะโพสต์บทความนี้ลงใน Medium ช่วยทำให้มันอ่านผ่าน ๆ ได้ง่าย ๆ คิดเหมือนผู้อ่านที่เหนื่อยล้า กำลังไถหน้าจอบนรถไฟ” GPT จะปรับโหมดทันที เพราะมัน “เข้าใจความรู้สึก” แบบนั้นได้
3. ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ
AI มักจะพยายาม “เป๊ะเกินไป” เมื่อคุณสั่งให้มันเขียนให้สมบูรณ์แบบ แต่ถ้าคุณขอให้มันเขียนแบบยุ่ง ๆ มีข้อบกพร่อง ดิบ ๆ มันจะเริ่มดู “จริง” ขึ้นมาทันที
ลองแบบนี้ดู: “ร่างอะไรคร่าว ๆ หน่อย เหมือนระบายความคิดหลังจากผ่านวันเหนื่อย ๆ มา ไม่ต้องห่วงเรื่องหลักภาษาหรือความลื่นไหล เอาแค่ไอเดียให้ครบก็พอ”
Prompt แบบนี้จะทำให้คุณได้มีบทบาทเป็น “มนุษย์ที่ปรับแต่งผลงานที่ AI สร้างขึ้น” ไม่ใช่แค่คนดูแลหุ่นยนต์
Prompt บางอันที่เปลี่ยนเกมของคุณ Yog ไปเลย
คุณ Yog เก็บรวบรวม Prompt Starter ที่ได้ผลดีที่สุดไว้ใน Swipe File และนี่คือบางอันที่ให้ผลลัพธ์ดีกว่าการใส่คำขยายซ้อนกันเป็น 10 เท่า:
- “เขียนเหมือนเป็น Developer ที่เพิ่งอดนอนทั้งคืนเพื่อแก้ Bug นี้”
- “อธิบายเรื่องนี้ให้ CEO ที่ไม่ใช่สายเทคนิคฟัง ซึ่งชอบถามคำถามเดิม ๆ ซ้ำ ๆ”
- “คุณกำลังเขียนโพสต์นี้ลง Reddit ให้พูดตรง ๆ แบบไม่ต้องเกรงใจ”
- “คุณกำลังพยายามโน้มน้าวหัวหน้าที่ไม่เชื่อ ให้ลองใช้เครื่องมือนี้”
- “ร่างอันนี้เหมือนเป็นข้อความเสียง ที่คุณกำลังจะส่งให้เพื่อนร่วมก่อตั้งบริษัท”
Prompt เหล่านี้ไม่ได้เจ๋งเพราะมันฉลาด แต่เพราะมันเปิดโอกาสให้ Model เลิกพยายามทำตัวให้ดูเนี้ยบ แล้วเริ่มสื่อสารแบบ “จริงใจ” และเป็นธรรมชาติมากกว่าเดิม
แล้ว “พลังวิเศษ” จริง ๆ คืออะไรล่ะ?
คำตอบคือ GPT ไม่ใช่เครื่องมือสำหรับหาคำตอบ แต่มันคือกระจกสะท้อน “บทบาท” เมื่อคุณป้อนให้มันด้วยน้ำเสียง ตัวตน หรือจุดประสงค์ มันจะไม่ทำตัวเป็นแค่เครื่องจักรที่สร้างข้อความ แต่มันจะกลายเป็น เพื่อนร่วมงานที่ช่วยคิดและสร้างไปกับคุณ
และเมื่อเข้าใจสิ่งนั้นในที่สุด คุณ Yog ก็เลิก “Engineering Prompt” แล้วหันมา “ออกแบบบทสนทนา” แทน ทำให้สิ่งนี้เปลี่ยนทั้งวิธีเขียน วิธีคิด วิธีสร้างเครื่องมือของเขา และใช่…รวมถึงวิธีที่ใช้หาเงินบน Medium ของเขาด้วย
สุดท้ายนี้ เมื่อก่อนคุณ Yog เคยคิดว่าการเขียน Prompt คือเรื่องของความแม่นยำ เหมือนการเขียน API Spec แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันใกล้เคียงกับการแสดงแบบด้นสดมากกว่า คุณแค่ส่งบท ฉาก และพื้นหลังให้ Model แล้วปล่อยให้มันแสดง
และเหมือนในชีวิตจริง การแสดงที่ดีที่สุด มักเกิดขึ้นเมื่อคุณเลิกพยายามทำให้ดูฉลาด แล้วเริ่ม “เป็นตัวเอง” อย่างแท้จริง ถ้าคุณยังรู้สึกว่า Prompt ที่เขียนมันจืด ๆ ไม่น่าประทับใจ หยุดพยายามปรับให้เป๊ะ แล้วเริ่มใช้จินตนาการดู เพราะผลงานที่ดีที่สุดของคุณ อาจเกิดจากอารมณ์ที่แย่ที่สุดก็ได้
และทั้งหมดนี้ก็คือ ทำไมการเขียน Prompt ให้ “ดูเรียบง่าย” ถึงได้ผลดีกว่าเดิม
บทความครั้งหน้าเราจะมาแชร์ 10 Expert Prompt Templates สำหรับ Developer ที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที ทั้งในงานเขียน Code อธิบายเทคนิค หรือสื่อสารกับทีม
เมื่อ หางาน IT ให้ ISM Technology Recruitment เป็นอีกหนึ่งตัวช่วย เพื่อให้คุณได้ “ชีวิตการทำงานในแบบที่คุณต้องการ” เพียงส่ง Resume มาที่นี่
ISM เชี่ยวชาญในธุรกิจ IT Recruitment & IT Outsourcing โดยเฉพาะ ได้เปิดทำการมาแล้วกว่า 30 ปี มีพนักงานทุกสายและทุกระดับทางด้าน IT ที่ได้ร่วมงานกับลูกค้าองค์กรใหญ่ที่มีชื่อเสียงและบริษัทข้ามชาติมากมาย